svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทีมงานทรัมป์ล็อบบี้ธุรกิจอเมริกัน ดึงเงินทุน 2.2 แสนล้านดอลลาร์ออกจากจีน

09 มกราคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความตึงเครียดในการครอบครองอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณทะเลจีนระหว่างจีนกับสหรัฐดูเหมือนจะปะทุเป็นความร้อนแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังมาถึงจุดที่จะเป็นการเปิดศึก 2 ด้านที่เริ่มจากสงครามค่าเงินสู่สงครามการค้า โดยที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินการล็อบบี้ให้บริษัทธุรกิจอเมริกันถอนการลงทุนออกจากจีนและเตรียมตอบโต้ด้วยมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

ขณะที่สงครามค่าเงินได้ดำเนินมาระยะหนึ่งจากการที่ธนาคารกลางจีนต้องลดค่าเงินหยวนหลายครั้งนับตั้งแต่กลางปี 2015 จนถึงปี 2016 ที่ผ่านมา รวมทั้งเกิดปัญหาเงินทุนไหลออกจำนวนมากถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2015 โดยในปีที่แล้วเงินหยวนอ่อนค่าลงถึง 6.5% โดยในช่วง 2 วันของการเปิดศึกสงครามค่าเงินซึ่งธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพในวันพุธและวันพฤหัสฯสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 2.5% กลับมาทรงตัวที่ระดับ 6.8668 หยวนต่อดอลลาร์ในวันศุกร์
ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ทั่วโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิดระหว่าง 2 มหาอำนาจ โดยทรัมป์ได้รับการนับคะแนนคณะกรรมการเลือกตั้ง 304 เสียง ส่วนฮิลลารี คลินตัน ได้รับ 232 เสียง แต่เขายังจะต้องฝ่าด่านข้อกล่าวหาของบารัก โอบามา ที่ว่าทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้น มาจากการช่วยเหลือของรัสเซียที่เข้ามาแฮ็กข้อมูลของพรรคเดโมแครตในช่วงการหาเสียง เพื่อก้าวสู่พิธิสาบานตนในวันที่ 20 มกราคมได้ต้องปลอดโปร่งหรือไม่
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสิ จิ้นผิง ก็ต้องเจอกับโจทย์ท้าทายในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงปลายปี 2017 นี้ จะยังเลือกให้เขาเป็นผู้นำประเทศที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศสมัยต่อไปในอีก 5 ปี ข้างหน้าเพื่อรับมือกับสงครามค่าเงินและสงครามการค้าจากสหรัฐ รวมทั้งประคับประคองเศรษฐกิจจีนให้เติบโตในระดับ 6.5% ต่อปีจนถึงปี 2020

1.นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีนต้องออกมาตอบโต้สหรัฐ ประกาศจีนเตรียมขายทิ้งบอนด์รัฐบาลที่ถืออยู่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังสุดทนที่จะต้องรับมือกับบรรยากาศความตึงเครียดที่เป็นแรงกระหน่ำเข้ามาทั้งจากข้อกล่าวหาปั่นหยวนอ่อนค่าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าระหว่างประเทศของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พุ่งเป้าจะตอบโต้ทางการจีน
รวมถึงปรากฏการณ์ของดอลลาร์แรลลี่จากการที่ Dollar Index พุ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 103.98 โดยปรับตัวอ่อนค่าลงที่ 101.61 ก่อนที่จะเด้งกลับแข็งค่าที่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนเพื่อให้มีเสถียรภาพดึงหยวนกลับมาแข็งค่ามากที่สุดที่ 6.7869 หยวนต่อดอลลาร์ โดยที่ออฟชอร์หยวนอยู่ที่ 6.8304 หยวนต่อดอลลาร์ มีส่วนต่างจากออนชอร์หยวน 1.6% โดยที่ธนาคารกลางจีน fixed เงินหยวนที่ 6.8668 หยวนต่อดอลลาร์
ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย Interbank ในฮ่องกงช่วงข้ามคืนพุ่งขึ้นจาก 23% เป็น 61% และเงินฝากช่วงข้ามคืนพุ่งขึ้นเป็นจรวดที่ 105% เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มกราคม

2.ทางด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศทำสงครามการค้ากับจีน พร้อมล็อบบี้ให้ธุรกิจสหรัฐที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนถอนยวงกลับสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้การเอาเปรียบทางการค้าจากจีน โดยตัวเลขล่าสุดสหรัฐยังคงขาดดุลการค้ากับจีนในรอบ 10 เดือนแรกในที่แล้วจำนวน 2.88 แสนล้านดอลลาร์ และปี 2015 สหรัฐขาดดุลกับจีนสูงถึง 3.65 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่พบว่านับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา บริษัทธุรกิจของสหรัฐที่ถูกล็อบบี้ดังกล่าว อาทิบริษัทโบอิ้ง โมโตโรลาอิงค์ เอไอจีกรุ๊ป ไมโครซอฟท์ วอลมาร์ท ได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีนเป็นเม็ดเงินมากกว่า 2.28 แสนล้านดอลลาร์ โดยบาร์เคลย์สแบงก์ของอังกฤษคาดว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ จะส่งผลต่อจีดีพีของจีนที่เติบโตลดลงที่ 6.3% ในปี 2017 และ 6.1% ในปี 2018 หลังจากที่ปี 2016 จะขยายตัวที่ 6.5% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์เดิมที่ 6.7%

3.หลังจากที่หยวนร่วงลงเฉียด 7 หยวนต่อดอลลาร์ที่ 6.98 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงวันส่งท้ายปีที่แล้ว จนต้อง Reset หยวนเพิ่มอีก 11 สกุลเงินรวมเป็น 24 สกุลเงินในสูตรตะกร้าเงินใหม่ พร้อมกับลดน้ำหนักดอลลาร์ลง 4% จาก 26% เป็น 22% เพื่อกำหนดค่าเงินหยวนในแต่ละวันมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งกำหนดโควต้าในการแลกเงินหยวนเป็นเงินตราต่างประเทศที่ 50,000 หยวนจากโควต้าเดิม 200,000 หยวน ซึ่งมาตรการนี้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2017
โดยธนาคารกลางจีนได้เปิดสูตร 24 สกุลเงินที่นำมาถ่วงน้ำหนักกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนรายวัน ดังนี้.....ดอลลาร์สหรัฐ 22.4% เงินยูโร 16.34% เงินเยน 11,53% ฮ่องกงดอลลาร์ 4.28% ปอนด์อังกฤษ 3.16% ออสเตรเลียดอลลาร์ 4.40% นิวซีแลนด์ดอลลาร์ 0.44% สิงคโปร์ดอลลาร์ 3.21%ฟรังก์สวิส 1.71% แคนาดาดอลลาร์ 2.15% มาเลเซียริงกิต 3.75% รูเบิลรัสเซีย 2.63% เงินบาท 2.91% แรนด์แอฟริกาใต้ 1.78% วอนเกาหลี 10.77% Dirhamของยูเออี 1.87% Riyalของซาอุดิอารเบีย 1.99% Forintของฮังการี 0.31% Zlotyของโปแลนด์ 0.66% เดนมาร์กโครน 0.40% สวีเดนโครนา 0.52% นอรเวย์โครน 0.27% Liraของตุรกี 0.83% และเม็กซิกันเปโซ 1.69%

4.โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจชื่อดังสหรัฐ ประเมินว่าการทำสงครามค่าเงินของจีนโดยใช้วิธีการทำสว็อปที่มีกำหนดระยะเวลา 3-4 เดือนเพื่อปกป้องค่าเงินหยวนนั้นจะส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนเมื่อครบกำหนดสัญญาสว็อป และนั่นถือเป็นต้นทุนที่จีนจะต้องแบกรับต่อไปโดยส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศจะลดลงไปเรื่อยๆ
โดยล่าสุด จีนยังคงประสบปัญหาการไหลออกของกระแสเงินทุนในเดือนธันวาคม 2016 จากการเปิดเผยของธนาคารกลางจีนพบว่ามีจำนวน 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ส่งผลให้ฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอยู่ที่ 3.01 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่เงินหยวนก็จะอ่อนค่าลงในอนาคต ซึ่งโกลด์แมน แซคส์ คาดว่าเงินหยวนจะลดลงไปอยู่ที่ 7.3 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายปีนี้

5.Dollar Index มีการเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นอีกในวันศุกร์ที่ระดับ 102.29 หลังจากร่วงลง 2 วันก่อนหน้านั้นที่ 101.50 เนื่องจากตัวเลขจีดีพีสหรัฐในไตรมาสสามของปี 2016 ที่มีการทบทวนใหม่โตถึง 3.5% ที่รวมเงินเฟ้อและระดับราคาสินค้าตามฤดูกาล
ทำให้หุ้นสหรัฐกลับมาพุ่งขึ้นทั้ง 2 ตลาดโดยเฉพาะดาวโจนส์พุ่งทำสถิติใหม่สูงถึง 19,999 ในระหว่างชั่วโมงซื้อขายก่อนย่อตัวลงปิดที่ 19,963 เพิ่มขึ้น 64 จุดหรือ 0.32% S&P 500 ปิดที่ 2,276 เพิ่มขึ้น 0.35% แต่สำหรับ Nasdaq นั้นพุ่งขึ้นมากที่สุดทะลุ 5,500 ไปปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5,521 เพิ่มขึ้นถึง 0.6%
ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐก็ดีดกลับสูงขึ้นที่ 2.40% หลังจากร่วงต่อเนื่องหลายวันทำการที่ 2.35%

logoline