หลายคนน่าจะได้รับชมกันแล้วสำหรับ Demon Slayer: Hashira Training Arc หรือ ดาบพิฆาตอสูร ภาคการสั่งสอนจากเสาหลัก ซึ่งเป็นภาคที่บรรดาเสาหลักจะรับบทบาทเป็นอาจารย์ในการฝึกฝนให้กับทันจิโร่และผองเพื่อน สำหรับเตรียมความพร้อมในศึกสุดท้าย ทว่านอกจากเสาหลักแล้ว ในโลกอนิเมะมีอาจารย์คนไหนบ้างที่สั่งสอนลูกศิษย์จนประสบความสำเร็จ
วันนี้ Nation STORY จึงขอพาทุกคนมาทำความรู้จัก 7 อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกอนิเมะที่ได้สร้างลูกศิษย์สุดแข็งแกร่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าเต่าใน Dragon Ball หรือ แชงค์สใน One Piece ตัวละครเหล่านี้ต่างเป็นผู้สั่งสอนให้ลูกศิษย์ของพวกเขาประสบความสำเร็จกันมาแล้วทั้งนั้น
การสั่งสอนจากผู้เฒ่าเต่า, Dragon Ball
‘ดราก้อนบอล’ (Dragon Ball) หนึ่งในอนิเมะในความทรงจำของใครหลายๆ คน ว่าด้วยตัวเอก โกคู ที่ออกเดินทางตามหาดราก้อนบอลให้ครบ 7 ลูก และฝึกฝนตัวเองเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น อนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเพียงเรื่องราวการผจญภัยและการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังบอกเล่าเรื่องความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างตัวละคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ผู้เฒ่าเต่า’ อาจารย์คนสำคัญของโกคู ที่ฝึกให้โกคูและผองเพื่อนแข็งแกร่งขึ้น
ผู้เฒ่าเต่า หรือ ท่านมุเท็นโรชิ แห่งสำนักเต่าถือเป็นตัวละครที่มีบทบาทมากที่สุดคนหนึ่งในเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดราก้อนบอลภาคแรก โกคูได้เจอกับผู้เฒ่าเต่าครั้งแรกหลังจากที่เขาได้ช่วยเต่าของผู้เฒ่าเต่าเอาไว้ ทำให้หลังจากนั้นโกคูและผองเพื่อนก็ได้เข้ารับการฝึกฝนกับผู้เฒ่าเต่า จนได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้มากมาย รวมถึงการใช้ ‘พลังคลื่นเต่า’ ซึ่งเป็นท่าไม้ตายอันเป็นเอกลักษณ์ของโกคู ที่ใช้ต่อสู้กับวายร้ายมาตลอดตั้งแต่ภาคแรกจนถึงปัจจุบัน นอกจากวิทยายุทธแล้ว ผู้เฒ่าเต่ายังเป็นคนสอนหนังสือให้กับโกคู ทำให้โกคูสามารถนับเลขและอ่านออกเขียนได้
แม้ข้อเสียของผู้เฒ่าเต่าจะเป็นความลามก จนทำให้หลายคนมองข้ามความแข็งแกร่งและความสำคัญของตัวละครนี้ไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่อาจารย์คนนี้ได้ถ่ายทอดให้กับโกคูนั้น มากกว่าการต่อสู้ทั่วไป แต่มันคือรากฐานสำคัญที่สร้างตัวละครโกคูให้กลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งในโลก และอาจกล่าวได้ว่าผู้เฒ่าเต่านี้แหละ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโกคูอย่างแท้จริง
“ฝึกฝนให้ดี เรียนรู้ให้ดี กินให้เต็มที่ พักผ่อนให้เพียงพอ และใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานให้เต็มที่” — ผู้เฒ่าเต่า, Dragon Ball
การสั่งสอนจาก คาคาชิ ฮาตาเกะ, Naruto
มาสู่โลกนินจาอย่าง ‘นารูโตะ’ (Naruto) กันบ้าง แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงอนิเมะเรื่องนี้ หน้าของ ‘คาคาชิ ฮาตาเกะ’ ต้องลอยมาอย่างแน่นอน เนื่องจากคาคาชิคือตัวละครที่มีบทบาทมากที่สุดคนหนึ่งในเรื่องตั้งแต่ต้นเรื่องจนในภาคสงครามโลกนินจา อย่างไรก็ตามคาคาชิไม่ได้รับบทบาทของการเป็นนินจาเพียงเท่านั้น แต่ยังเขายังเป็นอาจารย์คนสำคัญของ นารูโตะ อุซึมากิ พระเอกของเรื่องด้วย
อย่างที่ทราบกันว่าในช่วงต้นเรื่องนั้นนารูโตะเป็นบุคคลที่มีแต่ผู้คนในหมู่บ้านรังเกียจ สาเหตุจากเรื่องราวในอดีต เขาเติบโตมาอย่างกำพร้าและไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ผู้คนในหมู่บ้านยังขนานนามเขาว่าเป็นตัวปัญหาด้วย คาคาชิซึ่งถือเป็นอาจารย์คนแรกของนารูโตะ และเป็นตัวละครเพียงไม่กี่ตัวที่ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจนารูโตะเลย เขาได้ฝึกฝนนารูโตะในฐานะสมาชิกทีม 7 พร้อมกับ ซากุระ ฮารุโนะ และ ซาสึเกะ อุจิวะ ถึงแม้การฝึกฝนของเขาจะเข้มงวดและกดดัน แต่นั้นก็เป็นการฝึกที่ทำให้ลูกศิษย์ของเขาทั้งสามคนได้เรียนรู้ทั้งทักษะการต่อสู้ของนินจา รวมถึงข้อคิดเรื่องมิตรภาพ อย่างฉากที่ซากุระและซาสึเกะแบ่งอาหารกลางวันให้กับนารูโตะกิน จนทำให้พวกเขาทั้งสามได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่สำคัญเหนือวิชานินจา นั่นก็คือ มิตรภาพ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนสอบผ่านและกลายเป็นเกะนิน (หนึ่งในระดับชั้นของนินจาในเรื่องนารูโตะ)
การฝึกฝนของคาคาชิทำให้ทีม 7 กลายเป็นทีมนินจาที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในโลกนินจา นอกจากนี้ท่าไม้ตายอย่างดาวกระจายวงจักรและพันปักษา ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่นารูโตะและซาสึเกะใช้ในการต่อสู้ ก็เป็นท่าไม้ตายที่คาคาชิสอนให้พวกเขาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า หากไม่มีคาคาชิ เราก็อาจจะไม่ได้เห็นนารูโตะได้เป็นวีรบุรุษของหมู่บ้าน ตลอดจนโฮคาเงะรุ่นที่ 7 อย่างแน่นอน
“การที่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่เรากลับเลือกที่จะเพิกเฉย นั่นคือการกระทำของคนขี้ขลาด” — คาคาชิ ฮาตาเกะ, Naruto
การสั่งสอนจากแชงค์ส, One Piece
ในโลกของโจรสลัดอย่าง ‘วันพีช’ (One Piece) มีตัวละครมากมายที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งของ มังกี้ ดี ลูฟี่ พระเอกของเรื่อง แต่มีเพียงผู้เดียวที่เป็นผู้จุดประกายลูฟี่ให้กางใบเรือออกสู่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ นั่นคือ ‘แชงค์ส’ อาจารย์คนแรกและผู้ผลักดันความปรารถนาจะเป็น ‘ราชาโจรสลัด’ ของลูฟี่
แชงค์สเป็นตัวละครที่อาจไม่ได้โผล่ออกมาให้เห็นบ่อยมากในเรื่อง แต่เขาคือบุคคลสำคัญที่ทำให้ลูฟี่ได้เรียนรู้บทเรียนโจรสลัดที่สำคัญ โดยแชงค์สปรากฏตัวครั้งแรกในอนิเมะวันพีชตอนที่ 1 พร้อมกับฉากที่ตราตึงใจอย่างฉากการเสียสละแขนข้างหนึ่งให้กับเจ้าทะเล เพื่อช่วยลูฟี่ที่กำลังจะจมน้ำ ทั้งนี้ฉากดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับทั้งลูฟี่และผู้ชมเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากไม่มีฉากนั้น เราก็อาจจะไม่ได้เห็นลูฟี่อย่างในทุกวันนี้ แชงค์สกล่าวว่าการเสียสละแขนของเขาในคราวนั้นคือการเดิมพันต่อยุคสมัยใหม่ ซึ่งเขาทราบดีว่าลูฟี่จะต้องเป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่และกลายเป็นราคาโจรสลัดได้ในท้ายที่สุด
ถึงแม้ว่าแชงค์สจะไม่ได้เป็นอาจารย์ที่สั่งสอนทักษะการต่อสู้หรือทักษะการเอาชีวิตรอดเหมือนกับอาจารย์คนอื่นๆ ที่ยกมา ทว่าแชงค์สคืออาจารย์ผู้จุดประกายและสร้างให้ตัวละครลูฟี่ออกมาเป็นโจรสลัดเหมือนที่เราได้เห็นกัน ที่สำคัญเขายังเป็นคนที่คอยเฝ้าดูการเติบโตของลูฟี่ในทุกฝีก้าว ทุกครั้งที่ลูฟี่ประสบความสำเร็จในเรื่อง เราจะได้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งภาคภูมิใจของอาจารย์คนนี้ที่มีต่อลูกศิษย์เสมอ เช่น ตอนที่ลูฟี่สามารถเอาชนะตัวร้ายใหญ่ๆ ของเรื่องจนได้รับการขึ้นค่าหัว แชงค์สและลูกเรือของเขาต่างก็เลี้ยงฉลองต่อความสำเร็จของลูฟี่อย่างสนุกสนาน นั่นจึงอาจกล่าวได้ว่าการเดิมพันของแชงคูสในครั้งนั้น ไม่สูญเปล่าอย่างแท้จริง
“ฉันได้เดิมพันแขนข้างนี้ ไปกับยุคสมัยใหม่เรียบร้อยแล้ว” — แชงค์ส, One Piece
การสั่งสอนจาก บิสกิต ครูเกอร์, Hunter x Hunter
‘ฮันเตอร์ X ฮันเตอร์’ (Hunter x Hunter) อนิเมะที่เด็กหลายคนต่างก็หลงรัก กับเรื่องราวการต่อสู้และการออกเดินทางไปสู่โลกกว้างของ กอร์น ฟรีคส์ เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ผู้ที่ต้องการตามหาและเดินตามรอยเท้าพ่อของเขา ผู้เป็นฮันเตอร์ระดับแนวหน้า ทำให้กอร์นต้องฝึกฝนตัวเองและออกผจญภัยไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อที่จะเป็นฮันเตอร์มืออาชีพแบบพ่อของเขา นั่นจึงพาเขาให้มารู้จักกับ คิรัวร์ ในการสอบฮันเตอร์ และทั้งคู่ได้ออกเดินทางและฝึกตัวเองไปพร้อมกัน จนเข้าสู่ภาคเกมกรีดไอแลนด์ ภาคที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้พบกับ ‘บิสกิต ครูเกอร์’ เด็กสาวตัวน้อย ที่แท้จริงแล้วเธอมีอายุถึง 57 ปี ซึ่งเธอได้ซ่อนร่างกายสุดกำยำเอาไว้ภายใต้ร่างของสาวน้อยที่แสนจะบอบบาง และด้วยพละกำลังและพลังสุดแข็งแกร่ง ทำให้เธอต้องรับหน้าที่เป็นอาจารย์ในการฝึกให้กับกอร์นและคิรัวร์ในภาคนี้
บิสกิตได้สอนกอร์นและคิรัวร์ให้เป็นฮันเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านพละกำลัง ความเร็ว และไหวพริบในการเอาชนะคู่ต่อสู้ หนึ่งในบทเรียนสำคัญที่เธอสั่งสอนทั้งคู่คือ การต้องพัฒนาและก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองไปให้ได้ ทำให้บิสกิตฝึกทั้งคู่อย่างหนักหน่วงทั้งวันทั้งคืน อนึ่งเพื่อต้องการให้พวกเขาแข็งแกร่งและดึงพลังที่มีออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เธอยังเชื่อว่าหากเธอไม่จริงจังและเข้มงวดกับการสอน เมื่อลงสนามจริงทั้งคู่อาจแพ้และถูกฆ่าได้
แม้บิสกิตจะมีบทบาทโดดเด่นเพียงแค่ภาคเกมกรีดไอแลนด์ แต่การปรากฏตัวของเธอกลับเป็นที่น่าจดจำและกลายเป็นตัวละครตัวโปรดของใครหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นบิสกิตยังเป็นเป็นอาจารย์คนสำคัญที่ทำให้กอร์นและคิรัวร์แข็งแกร่งมากขึ้น จนสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคและเอาชนะศัตรูมากมายที่อยู่ในเรื่องได้ หากไม่มีบิสกิต ทั้งคู่อาจยังคงหลงทางและไม่สามารถรู้วิธีในการดึงพลังที่ซ่อนอยู่ภายในตัวออกมาใช้ได้ อีกทั้งเราก็อาจจะไม่เห็นพลังที่แท้จริงของกอร์นและคิรัวร์ในเรื่องเลยก็ได้ ดังนั้นแล้ว บิสกิตจึงเป็นอาจารย์อีกหนึ่งคนผู้ทำให้ความสำเร็จและความฝันที่อยู่ ณ ปลายทางของเส้นทางการเดินทางของทั้งคู่เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
“มีคนโกหกที่จะโกหกเมื่อมีเหตุผลเท่านั้น และมีคนโกหกที่โกหกโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน” — บิสกิต ครูเกอร์, Hunter x Hunter
การสั่งสอนจากอาจารย์โคโระ, Assassination Classroom
เมื่อพูดถึงตัวละครอาจารย์ในโลกอนิเมะ คงจะพลาดหากไม่ได้พูดถึง ‘อาจารย์โคโระ’ จาก ‘ห้องเรียนลอบสังหาร’ (Assassination Classroom) หนึ่งในตัวละครอาจารย์ที่หลายคนชื่นชอบ โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องของการลอบสังหารอาจารย์โคโระ สัตว์ประหลาดรูปร่างปลาหมึก ผู้ที่มีพละกำลัง ความเร็ว และความแข็งแกร่ง จนอาวุธธรรมดาไม่สามารถกำจัดเขาได้ แต่เขาให้โอกาสมนุษย์ในการสังหารเขา ด้วยการยื่นขอเสนอต่อรัฐบาลให้เขาได้ไปเป็นอาจารย์ให้กับนักเรียนห้อง 3-E โรงเรียนมัธยมต้นคุนุกิงาโอกะ และพร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนห้องดังกล่าวสามารถลอบสังหารเขาได้อย่างอิสระ
แม้การสั่งสอนของอาจารย์โคโระจะเต็มไปด้วยเทคนิคที่ฝึกฝนนักเรียนให้วนกลับมาสังหารเขาในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อสอนนักเรียนเหล่านี้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญโคโระยังเป็นอาจารย์ที่เอาใจใส่นักเรียนของเขาเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่นักเรียนของเขามีความก้าวหน้าในการลอบสังหารตัวเขา อาจารย์โคโระก็มักจะแสดงความยินดีและดีใจพร้อมกับนักเรียนเหล่านี้เสมอ
ด้วยเหตุนี้เองอาจารย์โคโระจึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างอาจารย์ผู้แสดงถึงความไม่ย้อท้อต่อการสั่งสอนลูกศิษย์ของตัวเองให้มาสังหารตัวเขาในอนาคต หากเปรียบเทียบกับชีวิตจริงอาจารย์โคโระคืออาจารย์ผู้สอนวิชามากมายให้กับลูกศิษย์ โดยที่อาจารย์เหล่านั้นไม่มีความกังวลเลยว่าลูกศิษย์ของเขาจะเก่งกว่าหรือก้าวข้ามผ่านเขาไป ซึ่งอาจารย์เหล่านี้มักมองว่าการที่ลูกศิษย์เก่งกว่าอาจารย์ได้คือความสำเร็จในฐานะชีวิตการเป็นอาจารย์อย่างแท้จริง
“โปรดจำเอาไว้ว่า มีบางครั้งที่เราต้องจูงมือใครบางคนและพาพวกเขาไป แต่ก็มีบางครั้งเช่นกันที่ต้องเข้มงวดและปล่อยให้พวกเขาดูแลตัวเอง” — อาจารย์โคโระ, Assassination Classroom
การสั่งสอนจาก เอคิจิ โอนิซึกะ, Great Teacher Onizuka
‘คุณครูพันธุ์หายาก’ (Great Teacher Onizuka) หนึ่งในอนิเมะยอดนิยมยุค 90s ที่มาพร้อมกับตัวละคร ‘เอคิจิ โอนิซึกะ’ ชายหนุ่มวัย 22 ปี ผู้มีทรงผมและสีผมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยก่อนที่เขาจะได้มาเป็นอาจารย์ เอคิจิเคยเป็นนักเลงที่ถูกตราหน้าจากสังคมว่าเป็น ‘ขยะ’ มาก่อน นั่นจึงทำให้เขามาเป็นอาจารย์เพื่อสั่งสอนและควบคุมนักเรียนห้องที่ขึ้นชื่อว่าแสบและป่วนที่สุดในโรงเรียน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้พวกเขาเติบโตไปเป็นขยะเหมือนที่เขาเคยเป็น
สำหรับใครที่ได้รับชมอนิเมะเรื่องนี้แล้วจะต้องเห็นถึงหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทุ่มเทของเอคิจิอย่างแน่นอน สิ่งที่ทำให้ตัวละครเอคิจิกลายเป็นหนึ่งในอาจารย์ใครหลายๆ คนชื่นชอบ คือ ความมุ่งมั่นและตั้งใจที่อยากจะเปลี่ยนแปลงลูกศิษย์ของเขาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลอดจนความพยายามในการดูแลและควบคุมนักเรียนของเขาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ดังที่เขาเคยทำผิดพลาดมาในอดีต ถึงแม้วิธีการต่างๆ ที่เขาจะแปลกและห่ามไปบ้าง แต่นั่นกลับเป็นการมอบบทเรียนอันมีค่าให้กับลูกศิษย์ของเขา
สิ่งสำคัญที่อนิเมะเรื่องนี้ได้ฉายให้ผู้ชมได้เห็นคือความพยายามอย่างสุดความสามารถของเอคิจิในการซื้อใจนักเรียนของเขา ด้วยการทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ แม้ตัวเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บหรือต้องทำลายทรัพย์สินของโรงเรียนไปมากมายเท่าไหร่ก็ตาม แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เขาทำนั้นกลับมีเพียงเหตุผลเดียวคือ การปกป้องนักเรียนในความดูแลของเขา และต้องการที่จะให้นักเรียนเหล่านี้ได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่งดงามนั่นเอง
“เราไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตได้ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่ามันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน อดีตไม่ใช่อะไรนอกจากอดีต” — เอคิจิ โอนิซึกะ, Great Teacher Onizuka
การสั่งสอนจาก ซาคอนจิ อุโรโคดากิ, Demon Slayer
มาถึงเรื่องสุดท้าย ‘ดาบพิฆาตอสูร’ (Demon Slayer) ถึงแม้ในภาคล่าสุดนี้จะว่าด้วยการสั่งสอนจากเหล่าเสาหลัก ทว่าตัวละครอาจารย์ที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้บรรดาเสาหลักในปัจจุบันเลยคือ ‘ซาคอนจิ อุโรโคดากิ’ อดีตเสาหลักวารีและอาจารย์คนแรกของ ทันจิโร คามาโดะ พระเอกของเรื่อง ผู้สั่งสอนให้ทันจิโรได้เติบโตและกลายเป็นหน่วยพิฆาตอสูรจนถึงทุกวันนี้
ถึงรูปแบบการฝึกของซาคอนจินั้นค่อนข้างจะทรหดและต้องอาศัยความอดทนถึงจะผ่านมันไปได้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เนื่องจากในโลกของอสูร หากนักล่าอสูรไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็ย่อมถูกสังหารโดยอสูร เหมือนกับลูกศิษย์ของเขามากมายที่ถูกสังหารไปในอดีต ฝีมือและการทักษะการใช้ดาบของเขานับเป็นที่ยอมรับสำหรับเหล่านักล่าอสูร และมีหลายคนเข้าเป็นลูกศิษย์ของเขา หนึ่งในลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จที่เคยได้รับการสั่งสอนจากซาคอนจิคือ โทมิโอกะ กิยู เสาหลักวารีคนปัจจุบัน และเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้ขึ้นเป็นเสาหลักตั้งแต่อายุ 13 ปี
ไม่เพียงแค่ความสามารถในการใช้ดาบอันยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ซาคอนจิมีแตกต่างจากนักล่าอสูรคนอื่นคือ ความสามารถในการถ่ายทอดวิชาและกระบวนท่าการใช้ดาบที่เขามีสู่ลูกศิษย์ของเขาจนประสบความสำเร็จได้ แม้ในปัจจุบันทันจิโรจะเป็นตัวละครที่มีฝีมือเก่งกาจและพัฒนาตัวเองมาไกลมากจากวันแรกที่เขาได้เข้ารับหน้าที่นักล่าอสูร ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังและสอนสั่งทันจิโร ตลอดจนฝึกฝนทันจิโรให้สามารถใช้ปราณวารีได้ครบทุกกระบวนท่าก็คือซาคอนจิ
ที่สำคัญไปกว่านั้นสิ่งที่ทำซาคอนจิเป็นตัวละครอาจารย์ที่แฟนอนิเมะรักมากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากซาคอนจิเป็นคนแรกๆ ที่เชื่อมั่นในฝีมือของทันจิโรและเนซึโกะ (น้องสาวของทันจิโร) จะต้องกลายเป็นความหวังใหม่ของหน่วยพิฆาตอสูรได้ และถ้าหากมีข้อผิดพลาดเขาก็พร้อมที่จะเอาชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน นั่นจึงแสดงถึงความเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจที่เขามีให้กับทั้งคู่ในฐานะลูกศิษย์ที่เขาได้สั่งสอนมา
“ทำได้ดีมากทันจิโร ฉันภูมิใจจริงๆ” — ซาคอนจิ อุโรโคดากิ, Demon Slayer