svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

CDC สหรัฐเตือนโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ "เฟลิร์ท" เสี่ยงระบาดหนักช่วงฤดูร้อน

10 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (US CDC) เตือนโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ "เฟลิร์ท" (FLiRT) อาการคล้ายโอมิครอน JN.1 มีความเสี่ยงสูงที่อาจระบาดหนักในช่วงฤดูร้อนนี้

KEY

POINTS

  • "เฟลิร์ท" (FLiRT) โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาการคล้ายสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 คือ มีไข้ หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดเมื่อยร่างกาย หายใจลำบาก อ่อนเพลีย ปวดท้อง ท้องเสียเล็กน้อย และอาเจียน รวมถึงมีอาการ "สมองมึนงง"
  • แนวทางใหม่ของการดำเนินการเกี่ยวกับโควิด-19 ในสหรัฐฯ ไม่แนะนำให้ผู้ติดเชื้อต้องกักตัวที่บ้าน 5 วัน แต่ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่นๆ
  • ย้ำตรวจ ATK ซ้ำทุก 48 ชั่วโมง

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ออกคำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า "เฟลิร์ท" (FLiRT) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ KP.2 ที่พบได้ในสัดส่วนราว 25% ของผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าจะระบาดหนักในช่วงฤดูร้อนนี้ แทนที่สายพันธุ์ JN.1 ที่ระบาดไปทั่วโลกในฤดูหนาวที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีโอมิครอนสายพันธุ์ KP.1.1 ที่กำลังแพร่ระบาดด้วยเช่นกัน โดยพบในสัดส่วนประมาณ 7.5% ของผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกัน

รู้จัก "เฟลิร์ท" (FLiRT) โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่

สำหรับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ "เฟลิร์ท" (FLiRT) เป็นกลุ่มโอมิครอนกลายพันธุ์ที่หลายประเทศเริ่มกังวลติดต่อง่ายขึ้นแต่ยังไม่พบอาการรุนแรง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในสหรัฐฯ ระบุว่าสายพันธุ์เฟลิร์ท มีคุณลักษณะบางประการที่น่ากังวล เช่น การเปลี่ยนแปลงโปรตีนหนามที่ช่วยให้ไวรัสฝังตัวอยู่กับเซลล์ของร่างกาย อันนำไปสู่อาการป่วย และยังกังวลว่าประชากรจำนวนน้อยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการระบาดรุนแรงขึ้นได้

แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ก็คอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของการแพร่กระจายตามชุมชนและประสิทธิภาพของวัคซีน

สำหรับอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เฟลิร์ท จากรายงานระบุว่ามีความคล้ายคลึงกับอาการของสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดเมื่อยร่างกาย หายใจลำบาก อ่อนเพลีย ตลอดจนอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสียเล็กน้อย และอาเจียน รวมถึงอาการที่เรียกว่า "สมองมึนงง" คือ ความรู้สึกไม่ตื่นตัวและตระหนักรู้น้อยลง

 

“ไม่ต้องกักตัว” แนวทางใหม่ของการดำเนินการเกี่ยวกับโควิด-19 ในสหรัฐฯ

เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับโควิด-19 ใหม่ โดยไม่ได้แนะนำให้ผู้ติดเชื้อต้องกักตัวที่บ้าน 5 วันอีกต่อไป แต่ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่นๆ ได้แก่

  • การอยู่แต่ในบ้านเมื่อป่วย
  • ฉีดวัคซีนครบถ้วน
  • รักษาสุขอนามัยที่ดี และปรับปรุงคุณภาพอากาศในอาคาร

สำหรับแนวทางใหม่นี้ง่ายและเข้าใจได้สำหรับบุคคลทั่วไป โดยผู้ที่ไม่มีไข้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกินยาลดไข้ และมีอาการอื่นๆ ไม่รุนแรงหรือดีขึ้นแล้ว สามารถออกจากบ้านและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

 

ย้ำตรวจ ATK ซ้ำทุก 48 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หากผลการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจนที่บ้าน (ATK) เป็นลบ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดเชื้อเสมอไป เพราะความแม่นยำอาจแตกต่างกันไป และมีความไวน้อยกว่าการตรวจ PCR โดยเฉพาะในระยะแรกของการติดเชื้อหรือไม่มีอาการ

ดังนั้น หากยังมีอาการคล้ายโควิด-19 ก็ควรตรวจซ้ำหลังจากตรวจครั้งแรก (ที่ให้ผลลบ) ใน 48 ชั่วโมง และถ้ายังมีอาการอยู่และตรวจครั้งที่ 2 ยังให้ผลลบอีก ก็ให้พิจารณาตรวจครั้งที่ 3 หลังจากนั้นอีก 48 ชั่วโมง หรือไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจด้วยวิธี PCR ที่มีความไวสูงกว่า

แม้ว่าข้อกำหนดการกักตัวจะผ่อนคลายลงแล้ว แต่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจ ATK ซ้ำหากยังมีอาการ และควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อและการติดเชื้อในวงกว้าง ทั้งนี้เพื่อปรับนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้น

logoline