svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

สารพิษซ่อนภัยจากพิธีกรรมการเผาไหม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

09 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รู้ทันอันตรายที่แฝงในควันธูป ควันเผากระดาษเงินกระดาษทอง และการจุดประทัด ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะหลีกเสี่ยงการสูดดม พร้อมเผยแนวทางการปฏิบัติ "ลดมลพิษ เพิ่มมงคล"

มีข้อมูลมากมายบอกถึงอันตรายจากควัน ทั้งควันธูป ควันเผากระดาษเงินกระดาษทอง และการจุดประทัดในช่วงเทศกาลตรุษจีน

โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ข้อมูลถึงสารพิษที่เกิดจากการ “เผากระดาษเงินกระดาษทอง” รวมถึงสิ่งประดิษฐ์รูปต่างๆว่า ควันที่ได้จะมีสารพิษประเภท “โลหะหนัก” เจือปนถึง 4 ชนิด ได้แก่

  • โครเมียม
  • นิกเกิล
  • ตะกั่ว
  • แมงกานีส

สารพิษซ่อนภัยจากพิธีกรรมการเผาไหม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

การสูดดมสารเหล่านี้ ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ตั้งแต่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคระบบหัวใจและ หลอดเลือด

สารพิษซ่อนภัยจากพิธีกรรมการเผาไหม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ในขณะที่ “ควันธูป” มีทั้งฝุ่นละอองและสารมลพิษเช่นเดียวกัน โดยสารก่อมะเร็งในควันธูป ได้แก่

  • สารเบนโซเอไพรีน(Benzo (a) pyrene) ถือเป็นสารอันตรายที่ก่อนให้เกิดมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด ไปจนถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • สารเบนซีน (Benzene) อีกหนึ่งต้นตอของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
  • สารบิวทาไดอีน(Butadiene) เป็นสารที่ทำให้เกิดมะเร็งในเม็ดเลือด

โดยเกิดจากการเผาไหม้ของกาว ขี้เลื่อย และน้ำหอมในธูป ซึ่งสามารถก่อให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และยังมีสารที่ทำให้ระคายเคือง ตาและระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หากสูดดมเป็นเวลานานอาจทำให้มีอาการ ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า หรือหมดสติได้

อันตรายจากสารที่เกิดจากการเผาไหม้ธูปและกระดาษเงินกระดาษทอง ภัยเงียบที่ไม่อาจมองข้าม

การเผาไหม้ควันธูปทำให้เกิดสารพิษมากมายไม่ต่างจากการ “สูบบุหรี่” หรือ “ท่อไอเสียรถยนต์” ล้วนมีความเป็นพิษกับร่างกายไม่สามารถสูดดมได้เป็นระยะเวลานาน สร้างผลกระทบกับร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน

 

โดยนักวิจัยไทยพบว่า ในสถานที่ที่มีการจุดธูปต่อเนื่อง เช่น วัด ศาลเจ้า หรือโรงทาน จะมีสารเบนโซเอไพรีนสูงกว่าปกติ 63 เท่า อีกทั้งคนทำงานในวัดมีสารก่อมะเร็งในเลือดและปัสสาวะสูงกว่าคนทั่วไป 4 เท่า ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งหลากหลายชนิดได้ในอนาคต

เช่นเดียวกับสารที่เกิดการเผาไหม้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองตาและจมูก อาจนำไปสู่ “การอักเสบของเยื่อบุตา” แต่ที่มากกว่าคือทางเดินหายใจที่นอกจากอาการ ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก ในกรณีร้ายแรงอาจถึงขั้นหมดสติ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เป็นปัญหาทางเดินหายใจในระยะยาวจนอาจลุกลามไปถึงมะเร็งปอดได้เลยทีเดียว

ส่วนสารโลหะหนักในกระดาษเงินกระดาษทอง คือสารชนิดเดียวกับที่พบจากโรงงานอุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย ที่หากสูดเข้าไปสะสมเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้ง เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้มีโรคประจำตัว

โดยอันตรายที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ตั้งแต่ ผลกระทบต่อสมองและการพัฒนาในเด็กเล็ก, อาการโลหิตจาง เวียนศีรษะ ชักกระตุก หมดสติ จนอาจทำให้ไตวายในผู้สูงอายุ,  ผลกระทบต่อพัฒนาการลูกในท้องของสตรี ไปจนถึงอาการในระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ภูมิแพ้ หอบหืน ถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง จนถึงโรคหัวใจ จึงเป็นสิ่งอันตรายควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง

สารพิษซ่อนภัยจากพิธีกรรมการเผาไหม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม

นอกจากประเด็นด้านสุขภาพแล้วอีกส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้นกันคือประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เขม่าหรือเถ้าที่เกิดภายหลังการเผาไหม้มีโลหะหนักซึ่งเป็นสารพิษความอันตรายสูง จำเป็นต้องจัดการอย่างเป็นระบบและรัดกุม ต้องปฏิบัติเป็นขยะมลพิษ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ แหล่งน้ำ จนถึงอาหาร

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะมีการจุดธูป จุดพลุ จุดประทัด การเผากระดาษเงินกระดาษทอง เพื่อการเคารพบรรพบุรุษและเทพเจ้า ทั้งที่บ้าน ศาลเจ้า และสถานที่ต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้ก่อมลพิษทางอากาศที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชนแบบภัยเงียบ งานวิจัยหลายเรื่องระบุว่า การจุดธูปและการเผากระดาษเงินกระดาษทอง จะเกิดฝุ่นขนาดเล็ก ก๊าซพิษ สารอินทรีย์ระเหยง่าย โลหะหนัก ซึ่งมีสารก่อมะเร็งบางชนิดรวมอยู่ และสารมลพิษอื่น ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หากมีการรับสัมผัสในปริมาณที่มากเกินไป มีอาการเบื้องต้น เช่น เกิดการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ (แสบตา คัดจมูก จาม ไอ ระคายคอ) และหากรับสัมผัสเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานอาจเกิดผลกระทบที่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีข้อห่วงใยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมเทศกาลตรุษจีน เชิญชวนปรับเปลี่ยนวิธีการแบบดั้งเดิมมาเป็นแนวใหม่ เพื่อหลีกเสี่ยงการสูดดมจากการจุด–เผา ตามแนวทางการปฏิบัติ “ลดมลพิษ เพิ่มมงคล” ซึ่งทุกคนทำได้ เช่น

  • การใช้ธูปไฟฟ้าหรือใช้ธูปขนาดสั้นและลดจำนวน
  • ใช้ธูปที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธูปไร้ควัน และไร้กลิ่น
  • ลดเผากระดาษเงินกระดาษทอง
  • หลีกเลี่ยงการจุด-เผาในบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้องอับอากาศ หรือในห้องแอร์ เป็นต้น

หากจำเป็นต้องจุดธูปควรดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้นเพื่อป้องกันอันตรายและลดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัยที่มักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังช่วยลดความสกปรกและมลพิษทางอากาศที่ต้นทางด้วย

 

logoline