กองทัพยูเครนยอมรับว่า กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อยับยั้งการรุกคืบของกองทหารรัสเซีย ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และกำลังจะไม่เหลือทหารที่เพียงพอจะประจัญหน้ากับทหารรัสเซียอีกมากกว่า 500,000 นาย ที่ถูกระดมเข้าสู่แนวหน้าเพื่อหวังเผด็จศึกเมืองคาร์คีฟให้ได้
พลเอกคีรีโล บูดานอฟ ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหารของยูเครน บอกว่าเขาใช้ทุกอย่างที่มีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่เหลือกำลังพลสำรองอีกแล้ว ซึ่งการ "อ้อน" ล่าสุดของยูเครน มีขึ้นในขณะที่ยุทโธปกรณ์ภายใต้แพ็กเกจช่วยเหลือล่าสุดของสหรัฐฯ กำลังเริ่มจะไปถึงแนวหน้าแล้วเช่นกัน
การบุกของทหารรัสเซียถือว่าคืบหน้ารวดเร็วที่สุดในเวลาไม่กี่เดือน โดยใช้ยุทธการสายฟ้าแลบที่เป็นขั้นแรกของการบุกช่วงฤดูร้อน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขยายแนวรบเพื่อทำลายแนวตั้งรับของยูเครนที่มีกำลังพลน้อยกว่า
ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามชี้ว่า ต่อให้ยูเครนรวบรวมทหารเพิ่มได้แต่โอกาสที่จะเอาชนะก็ริบหรี่ เพราะรัสเซียเหนือกว่าในเชิงตัวเลขอย่างมีนัยสำคัญ โดยตัวเลขน่าจะขยายเป็น 510,000 นายแล้ว อีกทั้งสหรัฐฯ ได้ห้ามยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐฯ เช่น ระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่หลายลำกล้อง "ไฮมาร์ส" (Himars) ในดินแดนของรัสเซีย เพราะเกรงว่าความขัดแย้งจะขยายไปถึงสหรัฐฯ ด้วย ทำให้ยูเครนทำได้เพียงต่อต้านการรุกรานของศัตรูอยู่แต่ในดินแดนของตนเองเท่านั้น