ยูเครนอาจเสียดินแดน หากสหรัฐฯหยุดส่งความช่วยเหลือ

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยคำเตือนต่อรัฐสภาของสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างงบประมาณความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าการขาดความช่วยเหลือจะกลายเป็นปัญหาเร่งด่วน และอาจเป็นอันตรายต่อเมืองใหญ่ๆ ของยูเครน เพราะหากขาดการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ยูเครนจะไม่มีการป้องกันทางอากาศ ไม่มีขีปนาวุธแพทริออต ไม่มีเครื่องรบกวนสำหรับสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีแม้แต่ปืนใหญ่ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องสั่งถอย และถอนกำลังออกจากพื้นที่ไปเรื่อยๆ

หากยูเครนจำเป็นต้องถอนกำลัง นั่นหมายความว่ารัสเซียจะได้โอกาสในการเข้าควบคุมพื้นที่มากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออกของยูเครนก็อยู่ภายใต้การควบคุมของทหารรัสเซีย นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งเปิดฉากการรุกรานเมื่อกว่าสองปีที่แล้ว

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ระบุว่า เมื่อถึงตอนนั้นยูเครนจะต้องลำดับความสำคัญของทรัพยากรเพื่อปกป้องเมืองใหญ่ ทำให้แนวหน้าถูกลดทอนความแข็งแกร่ง และรัสเซียเองก็อาจตีฝ่าเพื่อเข้าไปยึดเมืองใหญ่ได้ง่ายขึ้น หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วยูเครนเพิ่งประกาศถอนกำลังออกจากเมืองอาฟดิฟกา หนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดที่สุดในแนวรบฝั่งตะวันออก ซึ่งทำให้กองกำลังรัสเซียยิ่งเกิดความฮึกเหิม โดยเฉพาะเมื่อปูตินได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

ขณะที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็กำลังดิ้นรนที่จะผลักดันแพ็คเกจความช่วยเหลือระหว่างประเทศ มูลค่า 95,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน ผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร ที่ใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือนนับตั้งแต่มีการผ่านความเห็นชอบในวุฒิสภา

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า ทางยูเครนเองก็กำลังดิ้นรนเพื่อหาทางที่จะไม่ต้องล่าถอย และรักษาสถานการณ์แนวหน้าให้มั่นคง หากแนวรบยังคงมีเสถียรภาพ ยูเครนก็สามารถติดอาวุธและฝึกกองพลน้อยชุดใหม่ในแนวหลังเพื่อดำเนินการโจมตีตอบโต้ครั้งใหม่ได้ภายในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเลือกของยูเครนยังคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งเซเลนสกีเรียกร้องไม่ให้ทั้งสองพรรคนำปัญหายูเครนมาเป็นประเด็นการต่อสู้ทางการเมือง