ศาลแขวงนครย่างกุ้งของเมียนมามีคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี (25 มกราคม 2567) ให้นำบ้าน 2 ชั้น สไตล์โคโรเนียล ของครอบครัว นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกกองทัพยึดอำนาจโดยการทำรัฐประหารเมื่อต้นปี 2564 ออกประมูลขายในวันที่ 20 มีนาคมนี้ หลังตกเป็นเป้าการต่อสู้ในชั้นศาลมานานนับทศวรรษ ระหว่างนางซูจีกับนายอองซาน อู พี่ชายที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ
การตัดสินของศาลเป็นการพิพากษายืนคำอุทธรณ์พิเศษของนายอองซาน อู ที่อนุญาตให้เขามีสิทธิ์เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ ที่ทั้งคู่ต่อสู้แย่งชิงกันมาตั้งแต่ปี 2544 ต่อมาในปี 2559 ศาลตัดสินให้นางซูจีได้ครอบครองบ้านหลังใหญ่ ส่วนบ้านอีกหลังกับพื้นที่โดยรอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนายอองซาน อู ทำให้เขาไม่พอใจและยื่นอุทธรณ์ว่าการตัดสินก่อนหน้านี้ไม่เป็นธรรม ที่น้องสาวได้ทรัพย์สินมากกว่าครึ่ง และเขาปล่อยให้เธออยู่ฟรี ๆ มานานแล้ว
คำสั่งศาลระบุให้นำบ้านหลังนี้ออกประมูลขายในวันที่ 20 มีนาคม 2567 ในราคาเริ่มต้นที่ 315,000 ล้านจ๊าด (3,200 ล้านบาท) ซึ่งบ้านสไตล์โคโลเนียลขนาด 2 ชั้น หลังนี้ ตั้งอยู่บนที่ดินราว 4.8 ไร่ ริมทะเลสาบอินเลในนครย่างกุ้ง และเป็นมรดกที่ "ขิ่นจี" แม่ของนางซูจี ได้รับจากรัฐบาลเมียนมา หลังนายพลอองซานที่เป็นวีรบุรุษนักเคลื่อนไหวเพื่อเอกราช ถูกลอบสังหารเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2490
บ้านหลังนี้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานและอนุสรณ์ทางการเมือง เมื่อนางซูจีถูกจับเมื่อปี 2532 ฐานนำการชุมนุมประท้วงต่อต้านกองทัพเมื่อปี 2531 และประสบความล้มเหลว ทำให้เธอถูกกักบริเวณที่บ้านหลังนี้นานเกือบ 15 ปี ก่อนได้รับการปล่อยตัวในปี 2553 เธอใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ทำการพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) และมักปราศรัยที่ประตูรั้วเหล็ก กับใช้ต้อนรับแขกคนสำคัญระดับโลก รวมทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในปี 2554 และนางฮิลลารี คลินตัน ตอนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อปี 2555
หลังพรรค NLD ชนะการเลือกตั้ง นางซูจีย้ายไปพำนักในกรุงเนปิดอว์เพื่อเข้าทำหน้าที่ในสภาและรัฐบาล ก่อนถูกยึดอำนาจในปี 2564 แหล่งข่าวระบุว่าถ้ามีผู้ซื้อ บ้านจะถูกขายและต้องดูว่าจะมีผู้ซื้อหรือไม่ ขณะที่ในยุครัฐบาลพลเรือนได้กำหนดให้บ้านหลังนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมระดับชาติ และเตือนว่าจะดำเนินการทางกฎหมายกับใครก็ตามที่พยายามจะครอบครอง ขาย ทำลาย ดัดแปลง หรือเข้าใช้ทรัพย์สินหลังนี้