นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอ ครม. เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบใกล้ทะุล 1 แสนล้านล้านบาทแล้ว และช่วยเหลือประชาชนที่ใช้ดีเซล โดยของบกลาง หรือ ขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลังในการลดอัตราภาษีสรรพสามิต
ซึ่งหากไม่มีงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ กองทุนฯ จำเป็นต้องปรับลดอัตราการชดเชยลง 1-2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด จะมีการปรับลดอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันได
โดยปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.17 บาทต่อลิตร คิดเป็นจำนวนเงินที่กองทุนฯ ต้องจ่ายประมาณ 8,700 ล้านบาทต่อเดือน จึงขอให้ประชาชนเข้าใจในสถานการณ์ ณ เวลานี้ด้วย
ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดยเฉพาะค่าน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนของสินค้าและบริการ ด้วยการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทตั้งแต่เดือนก.ย. 66 เป็นต้นมา ทำให้ปัจจุบัน กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเป็นหนี้ใกล้ 1 แสนล้านบาทแล้ว
" หากไม่ต้องการให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระหนี้มากเกินไป และเป็นการรักษาสภาพคล่องและความเชื่อมั่นของกองทุนฯ กระทรวงพลังงานจะนำเรื่องเข้าหารือใน ครม. เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ประชาชนไปพร้อมกับการลดภาระหนี้ของกองทุนฯ "
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน จะเห็นได้ว่า ได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนของสินค้าและบริการ จึงได้มีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลมาตั้งแต่เดือนก.ย.66 ที่ 30 บาทต่อลิตรมาอย่างต่อเนื่อง
โดยบางช่วงราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงเคยสูงถึง 45 บาทต่อลิตร แต่เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนในระดับสูง ทั้งจากภาวะความสงครามที่มีความยืดเยื้อ และจากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก กระทรวงพลังงานจึงมีมาตรการช่วยเหลือผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2567 สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบกว่า 98,000 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาครม. เห็นชอบลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.-19 เม.ย.2567 เป็นเวลากว่า 3 เดือน โดยรัฐบาลสูญเสียรายได้เดือนละ 2,000 ล้านบาท รวม 3 เดือนสูญเสียงบประมาณ 6,000 ล้านบาท