
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ ส่วนตัวเชื่อว่าหากรัฐบาลใหม่ไม่ว่าจะพรรคไหนเข้ามาบริหารจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจต่อไปได้ ยังไม่มีนโยบายอะไรฝากรัฐบาลใหม่ เพราะที่ผ่านมาได้พูดบอกไปในหลายเวทีแล้ว แต่หากถามว่าเป็นห่วงเศรษฐกิจเรื่องอะไร ก็ขอบอกว่าห่วงทุกเรื่อง เพราะเป็นธรรมชาติของคนทำงาน
ส่วนนโยบายการปรับโครงสร้างการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT และนโยบาย “โทเคนดิจิทัล” หรือ G Token ที่ยังคงค้างในรัฐบาลเพื่อไทยนั้น เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าต่อได้ เพราะรัฐบาลใหม่รู้ข้อมูลดีอยู่แล้วว่าแต่ละนโยบายมีข้อดีข้อเสียกับเศรษฐกิจและประเทศอย่างไร เป็นเทรนด์การเงิน - การลงทุนที่ทั่วโลกก็ทำกัน เช่นเดียวกับการลงทุนที่ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) ที่ต้องหาวิธีการให้ได้ประโยชน์สูงสุด นอกจากนั้นยังต้องดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างมั่นคง โดยเฉพาะทางการเงิน-การคลัง
การลงทุนรัฐบาลได้ทำต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี ถ้ารัฐบาลใหม่ยังยืนยันที่จะให้การสนับสนุนทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจเข้ามาลงทุนแล้วทุกอย่างยังดำเนินการต่อไปได้ ก็เชื่อว่าจะมีการลงทุนเข้ามาต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มองว่าจะต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการทำให้ธุรกิจไทยเป็นส่วนหนึ่งของสายการผลิตจากการลงทุนต่างประเทศให้ได้เร็วและมากที่สุด
"ผมเชื่อว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล หรือใครจะมาเป็นมาเป็น รมว.การคลังก็จะดูแลใช้นโยบายเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเรื่องนโยบายภาษีแวต รัฐบาลจะเป็นผู้ตัดสินใจซึ่งเค้ารู้อยู่แล้วว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร"