
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการ หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ผลประกอบการที่มีกำไรต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2566 และติดอันดับ 1 ใน 3 สายการบินที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงสุดในโลก
ล่าสุดการบินไทยได้กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากประสบความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งได้พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็นบริษัทเอกชนที่พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายโดยมีความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่องและชัดเจน
การกลับเข้าซื้อขายครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ครั้งสำคัญ ในฐานะสายการบินที่คนไทยภาคภูมิใจ พร้อมต่อยอดสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับการดำเนินงาน คุณภาพการให้บริการ ควบคู่กับการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลสูงสุด ทะยานสู่บทบาทหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมการบินระดับภูมิภาค และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การบินไทยคาดหวังว่าหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูแล้วการบินไทยมั่นใจว่าจะดำเนินธุรกิจเพิ่มรายได้ต่อเนื่อง เพราะการแข่งขันรุนแรงและอุตสาหกรรมการบินเผชิญปัญหาเครื่องบินที่มีจำกัดไม่สามารถเพิ่มบริการได้ โดยผลจากการหารายได้ต่อเนื่องนั้น การบินไทยมั่นใจใช้หนี้ที่สะสมคงเหลือและจ่ายหนี้ค่าเช่าเครื่องบินตามกำหนด และหมดในปี 2579
การออกจากแผนฟื้นฟูทำให้การบินไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นในฐานะบริษัทเอกชนอย่างเต็มตัว และสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของแผนฟื้นฟูอีกต่อไป การบินไทยได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อกลับมาเป็นหนึ่งในผู้นำสายการบินในระดับภูมิภาคอีกครั้ง
เปิดกลยุทธ์ Network Airline หนุนไทยฮับการบินภูมิภาค
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การบินไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่แข็งแกร่งและพร้อมแข่งขันในตลาดการบินอย่างเต็มที่ ภายหลังจากการฟื้นฟูองค์กรที่ประสบความสำเร็จ โดยได้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในทุกมิติ พร้อมวางกลยุทธ์ระยะสั้น กลาง และยาว เป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดที่เคยสูญเสียไป และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยการบินไทยวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้านรายได้และปริมาณผู้โดยสาร มุ่งเป็น "Network Airline" หรือสายการบินที่เน้นการเชื่อมต่อการเดินทาง โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ ลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป และช่วยเพิ่มเสถียรภาพของรายได้ในทุกฤดูกาล ไม่เพียงการเติบโตในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) เช่น การขนส่งผู้โดยสารจากยุโรปมาไทยแล้วเดินทางต่อไปยังเอเชียแปซิฟิก
กลยุทธ์ Network Airline การบินไทยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ในช่วงฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา ซึ่งกลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลประกอบการดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ และพบว่าสัดส่วนผู้โดยสาร Network เพิ่มสูงขึ้นถึง 40-50% เป็นส่วนหนี่งที่ทำให้รายได้และปริมาณผู้โดยสารของการบินไทยเติบโต ขณะเดียวกันการบินไทยยังสามารถบริหารจัดการช่วงโมงการใช้เครื่องบินได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
นอกจากนี้ ในอนาคตการบินไทยจะมุ่งเน้นพัฒนาบริการที่ชั้นธุรกิจ (Business Class) และเพิ่มบริการในชั้นประหยัดพรีเมียม (Premium Economy) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสาร โดยจะไม่เน้นชั้นเฟิสต์คลาส (First Class) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำกำไรได้น้อย สามารถให้บริการผู้โดยสารได้จำนวนไม่มาก ขณะเดียวกันการบินไทยจะยังคงมุ่งเน้นตอกย้ำบริการความเป็นไทย โดยเฉพาะอาหารที่นำเสนอคอนเซ็ปต์ "Street to Sky" นำอาหารจากร้านดังในประเทศไทยขึ้นไปให้บริการบนเครื่องบิน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี
แม้จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่การบินไทยยังคงเผชิญความท้าทายในการรักษาและปกป้องสิ่งที่ทำมาได้จากการฟื้นฟู โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้วัฒนธรรมที่ไม่พึงประสงค์ในอดีตกลับมาอีกครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ดี อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารมั่นใจว่าการบินไทยในวันนี้แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ส่วนเป้าหมายหลังกลับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขณะนี้พบว่าราคาหุ้นของการบินไทยปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ทั้งนี้ การบินไทยมีเป้าหมายผลักดันหุ้น THAI เป็นหุ้น VI (Value Investor) ไม่ใช่หุ้นที่หวือหวา แต่เน้นเป็นหุ้นคุณค่า และมีความมั่นคงระยะยาว
ลุยเพิ่มฝูงบินเสริมแกร่งเส้นทางศักยภาพ
ด้านความคืบหน้าการจัดหาเครื่องบิน ทิศทางธุรกิจหลังจากนี้ การบินไทยจะมีฝูงบินประเภทลำตัวแคบมากกว่าลำตัวกว้าง เพื่อตอบสนองกับการใช้งาน และกลยุทธ์ Network Airline หรือสายการบินที่เน้นการเชื่อมต่อการเดินทาง โดยตารางบินฤดูหนาวช่วงต้นปี 2569 การบินไทยจะรับมอบเครื่องบินรุ่นแอร์บัส 321neo จำนวน 2 ลำ และในปี 2569 จะทยอยรับมอบอีกจำนวน 15 ลำ ซึ่งมีแผนจะนำเครื่องบินเหล่านี้ไปเสริมแกร่งในเส้นทางระยะสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย
ส่วนออเดอร์การจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 45 ลำนั้น ตามแผนจะมีการทยอยรับมอบในปี 2571 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าล็อตแรกจะทยอยรับมอบจำนวนประมาณ 9 ลำ เบื้องต้นมีแผนจะนำเครื่องบินเหล่านี้มาให้บริการในเส้นทางศักยภาพสูงที่มีดีมานด์ อาทิ อินเดีย และจีน รวมไปถึงหลายเส้นทางในประเทศไทยที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง เช่น ภูเก็ต
นอกจากนี้ ล่าสุดการบินไทยยังได้ยืนยันสิทธิในการจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติม จำนวน 35 ลำที่ได้ทำไว้กับโบอิ้ง โดยขณะนี้ได้ทำการออเดอร์เครื่องบินตามสิทธินี้ไปแล้วส่วนหนึ่ง เลือกใช้เครื่องบินเป็นรุ่นโบอิ้ง 787-10 ซึ่งการใช้สิทธิจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมนี้ เพื่อรองรับการขยายขีดความสามารถทางการแข่งขัน อีกทั้งปัจจุบันการจัดหาเครื่องบินต้องใช้เวลานาน จึงได้เริ่มดำเนินการทันที