
24 สิงหาคม 2568 การอนุมัติลงทุนโครงการ Van Don Integrated Casino and Tourism Complex ที่จังหวัดกว๋างนิงห์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.3 หมื่นล้านบาท) บนพื้นที่กว่า 244 เฮกตาร์ (1,527 ไร่) ของรัฐบาลเวียดนาม ถือเป็นโครงการขนาดมหึมาใน เขตเศรษฐกิจพิเศษเวินโดน ที่จะกลายเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจเวียดนามในอนาคต น่าสนใจว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ เวียดนามเดินเกมอย่างไร
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็น “สนามทดลอง” ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) และคาสิโนรีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resorts – IRs) ท่ามกลางแรงเสียดทานทางสังคมที่คล้ายคลึงกับไทย แต่สิ่งที่ทำให้เวียดนามน่าศึกษาคือ วิธีการเดินเกมทีละก้าว—ไม่เปิดเสรีทันที แต่ใช้ “โครงการนำร่อง” เก็บข้อมูลจริง ปรับกฎระเบียบ และค่อย ๆ ออกแบบโมเดลที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตนเอง
"กรอบกฎหมาย" จากนำร่องสู่โมเดลตั๋วเข้า
จุดเริ่มสำคัญคือ พระราชกฤษฎีกา 03/2017/ND-CP ที่อนุญาตให้คนเวียดนามอายุ 21 ปีขึ้นไปเข้าเล่นคาสิโนได้ “เฉพาะโครงการที่รัฐอนุมัติ” โดยมีเงื่อนไขพิสูจน์รายได้ขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อเดือน (ราว 15,000 บาท) และจ่ายค่าผ่านประตู 1 ล้านด่งต่อ 24 ชั่วโมง หรือ 25 ล้านด่งต่อเดือน เฟสแรกนี้ถูกนำไปใช้ที่ Corona Resort & Casino บนเกาะฟู้โกว๊กตั้งแต่ปี 2019
ผลลัพธ์ตลอด 5 ปีทำให้รัฐบาลเห็นว่า แม้จะควบคุมปัญหาสังคมได้ แต่กระบวนการพิสูจน์รายได้กลับ “ลดแรงจูงใจ” ของผู้เล่น และทำให้การเข้าถึงระบบไม่สะดวกพอ ส่งผลให้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รัฐบาลประกาศ ยุตินำร่องชั่วคราว เพื่อปรับโครงสร้างใหม่
ส.ค. 2025 กระทรวงการคลังจึงเสนอโมเดลใหม่ออกมาพลิกเกมคือ ตั๋วเข้า (Entry Fee Model) ที่ทำให้ผู้เล่นคนเวียดนามสามารถเข้าคาสิโนได้โดยจ่าย 2.5 ล้านด่งต่อวัน (≈3,600 บาท) หรือ 50 ล้านด่งต่อเดือน (≈72,000 บาท) โดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้อีกต่อไป โมเดลนี้ถูกมองว่า “บริหารง่าย โปร่งใส และขยายฐานลูกค้า” พร้อมยังคงมาตรการป้องกัน เช่น สิทธิครอบครัวในการยื่นห้ามสมาชิกเข้าเล่น การบังคับใช้อายุขั้นต่ำ 21 ปี และการบันทึกข้อมูลลูกค้าอย่างน้อย 5 ปี
และล่าสุดใน IR ใหม่ Van Don Integrated Resort (กว๋างนิงห์) โครงการมูลค่า US$2 พันล้าน ของ Sun Group ที่เพิ่งได้รับอนุมัติในฐานะ IR รุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะเป็น Entertainment Hub ของภาคเหนือ
จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้คือ การอนุญาตให้ชาวเวียดนามเข้าใช้บริการคาสิโนได้เป็นครั้งแรก ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่เพิ่มฐานลูกค้าภายในประเทศ พร้อมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สร้างงาน เพิ่มรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจ
การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 9 ปี และเปิดดำเนินการได้ต่อเนื่องสูงสุด 70 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง ทั้งภาคก่อสร้าง การท่องเที่ยว การโรงแรม และธุรกิจบริการต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการพนัน กระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ และยกระดับบทบาทกว๋างนิงห์ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภาคเหนือของเวียดนาม
จนในที่สุดคือการสร้างชื่อเวียดนามบนแผนที่แหล่งท่องเที่ยวและในอุตสาหกรรมบันเทิงโลก เทียบเคียงกับ มาเก๊าและลาสเวกัสได้ในที่สุด
ภาพและข้อมูลจาก The asset.com และ vir.com