กระทรวงการคลังเล็งถก ผู้ว่าการ ธปท.ปมเห็นต่าง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิชัย ชุณหวชิร ระบุ ทันทีที่มีโอกาสจะนัดพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เพื่อหาจุดยืนร่วมกัน ซึ่งส่วนตัวอยากให้แบงก์ชาติดูแลสถานะทางการเงินที่มั่นคง ประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศระดับสูง และสถาบันการเงินมีฐานะการเงินที่มั่นคง

เชื่อว่าผู้ว่าฯ ธปท.จะคุยด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ประกอบกับในอดีตตนคุ้นเคยกันอยู่แล้วบ้างในช่วงที่ทำงานด้านการธนาคาร จึงคิดว่าจะพูดคุยกัน และไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกันได้

สำหรับมุมมองต่อความอิสระของธนาคารกลาง ทุกวันนี้อิสระอยู่แล้ว ซึ่งความอิสระหมายความว่า มีอิสระทางความคิด มีอิสระในการวิเคราะห์ มีอิสระที่จะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ทางเลือกดังกล่าวต้องตอบสนองความต้องการของประชาชนด้วย หรือพูดอีกอย่างคือต้องตอบสนองความต้องการของคนที่มาทำงานแทนประชาชนด้วย

สำหรับเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหาจากช่วงต้มยำกุ้งจีดีพีไทยเติบโตลดลงมาตลอดจาก 5% เหลือเพียง 2% โดยทุก 5 ปี จีดีพีจะลดลง 1% ซึ่งต่ำสวนทางกับประเทศอื่นในภูมิภาคที่ขยายตัวมากกว่าไทย สะท้อนปัญหาโดยเฉพาะในด้านส่งออกที่ไทยเคยเป็นฐานการผลิตสำคัญ แต่วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ไทยไม่สามารถปรับตัวให้ทันตาม เป็นการผลิตสินค้ารูปแบบเก่าอยู่

สิ่งสำคัญต่อจากนี้ไทยจะต้องปรับตัวด้านการผลิต การส่งออก นำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาใส่เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการเศรษฐกิจ และการก้าวสู่อุตสาหกรรมใหม่ การเชื่อมระบบโลจิสติกส์ระหว่างฝั่งอ่าวไทยกับอันดามัน ตลอดจนการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ให้ชาวต่างชาติเข้ามาพักในไทยนานขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องระบบการเดินทางขนส่ง การเชื่อมโยงท่องเที่ยวไทยกับภูมิภาค

ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงการคลังจะทำเป็นอันดับแรก คือ การเพิ่มรายได้ ด้วยการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะปัจจุบันคนมีรายได้น้อยลง จีดีพีต่ำลง เงินเฟ้อต่ำ ซึ่งเงินเฟ้อที่ว่าต่ำแล้วแต่รายได้อาจลดลงต่ำกว่า ที่เห็นได้ชัด ๆ คือ เห็นว่าของแพง อีกสิ่งหนึ่งคือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเกินกว่า 90% ของจีดีพี เงินออมแทบไม่มี ดังนั้น จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันกับการแก้ปัญหาหนี้