รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ระบุ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ของรัฐบาลเชื่อว่าจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทย แต่เมื่อมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินมูลค่าสูง เดิมพันก็จะสูงตามไปด้วย เมื่อมีเงินเข้าไปในระบบ 5 แสนล้านบาท แล้วเครื่องยนต์ติด เดินหน้าไปได้ ก็จะไม่มีความเสี่ยง แต่ถ้าเครื่องยนต์สะดุดแล้วไปดับกลางทาง จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากดูจากแผนการใช้เงินสองวงรอบคือวงรอบที่ประชาชนใช้กับร้านค้าและวงรอบที่สองร้านค้านำไปใช้จ่าย น่าจะทำให้เห็นภาพการหมุนวงรอบในระยะ 6 เดือน ถึง 1 ปี และต้องติดตามสัญญาณการเดินเครื่องยนต์เศรษฐกิจว่าจะเดินหน้าไปได้ไกลแค่ไหน
สำหรับภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 มีโอกาสผ่านพ้นจุดต่ำสุด และเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายการคลังที่เข้มข้นผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ภายในช่วงเวลาเพียง 5-6 เดือน ด้วยมูลค่า 3.48 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 9.3% รวมถึงมาตรการกระตุ้นต่างๆ ของภาครัฐ ทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป
นอกจากนี้ ความคาดหวังการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ลดดอกเบี้ยในปีนี้ 1 ครั้ง คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนรอบ มิ.ย. หลังมติในการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่เป็นเอกฉันท์ แม้ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ อาจจะคงไว้ 5.5% ยาวนานขึ้น หลังเงินเฟ้อสูงกว่าคาดแต่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงน่าจะเริ่มเห็นได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
สำหรับทิศทาง Fund Flow ปัจจุบันเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับที่ต่ำมากผิดปกติ ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มเห็นแรงขยับซื้อที่พลิกกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1/67 ตามกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตรวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมองว่าน่าจะไปหมดแล้ว ขณะที่ค่าเงินบาทมองว่าไม่น่าจะอ่อนค่าไปมากกว่า 37 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยดังกล่าวมองว่าเป็นไปได้ที่เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาในช่วงนี้