
โดย : กระบี่เดียวดาย
13 กันยายน 2568 คอการเมือง หลายท่าน ใจจดใจจ่อ รอเห็นโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี อนุทิน 1 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นไปตามโผที่สื่อ ต่างออกมานำเสนอชนิดตรงเป๊ะร้อยเปอร์เซนต์ หรือมีเซอร์ไพร์ส์ นาทีสุดท้าย แบบว่า พลิกโผชนิดทำสังคมการเมืองอ้าปากค้าง อีกภายในไม่กี่วันนี้ ทุกท่านก็คงได้ทราบกัน
อย่างไรก็ตาม “เนชั่นทีวี” อยากชวนทุกท่าน มาร่วมติดตามเบื้องหลังการวางกลยุทธ์จัดสูตร ครม.เสี่ยหนู กันสักหน่อย เพราะเป็น ครม.ที่ต้องมาบริหารบ้านเมืองในระยะเวลาอันสั้น เพราะเป็น ครม.ที่หลายคนเกิดมีภาพจำที่ไม่น่าประทับใจจากบรรดานักการเมืองบที่มักยึดสูตร แบ่งสันปันเก้าอี้ พวกพ้องตนเองเป็นสำคัญ
หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล “หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย” รับเงื่อนไข MOA 5 ข้อของพรรคประชาชนจนสามารถคว้าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ไว้ได้ บนเงื่อนเวลาสี่เดือนยุบสภา ท่ามกลางการเปิดสารพัดดีลของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่ม/ยอมทุกเงื่อนไขเเต่ช้ากว่า “เสี่ยหนู” หลายจังหวะ
หากอ่านเกมค่ายสีน้ำเงินรอบนี้ เเละเทียบกับช่วงร่วม ครม.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของ 23 สส.กลุ่มเพื่อนเนวินเมื่อกาลก่อนกับ วาทะ “มันจบเเล้วครับนาย” ของเนวิน ชิดชอบ ที่หักกลางลำค่ายสีเเดงในวันนั้น เเละการเดินเกมของครูใหญ่บุรีรัมย์ยังเเผลงฤทธิ์ใน ปี 2568 อีกคราวนั้น “กลายเป็นเเผลในใจค่ายสีเเดงมิรู้ลืม”
ครูใหญ่อีสานใต้เคยมีฉายา รมต.ยี้ จากการร่วมรัฐบาล “บรรหาร ศิลปอาชา” ปี2538 (เนวินเป็น รมช.คลัง) เเละมังกรเมืองสุพรรณเคยรับสภาพว่า สส.กลุ่ม 16 ซึ่งเนวินเป็นหนึ่งในเเกนนำที่ได้โควตา รมต.หลายคนนั้น ภาพลักษณ์อาจไม่โดนใจสังคมนัก.. กับวีรกรรมของนักการเมืองกลุ่มนี้ในพรรคชาติไทย
ภาพจำดังกล่าวคล้ายเป็นเเผลที่ยากจะลบออกจากสังคม เเม้จะผ่านมาราวสามสิบปีเเล้วก็ตาม เเต่คราวนี้ ”เนวิน” คล้ายจะวางกลเกมใหม่กลบกระเเสการตั้ง ครม.ยี้ ภาคล่าสุดภายใต้การอำนวยการสร้างของค่ายสีน้ำเงินในคราวนี้ ดังนี้
หากเทียบ ครม.เศรษฐา ทวีสิน/เเพทองธาร ชินวัตร นั้น พบว่า มีการเเบ่งเเท่งโควต้า ครม.ให้พรรคร่วมรัฐบาลตามกระทรวงที่หารือกันไว้ตามสายงาน เเละขึ้นตรงกับรองนายกฯที่เป็นเบอร์ 1 ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพบว่าค่ายสีเเดงชวนคนนอกมาร่วมงานน้อยมาก
คราวนั้น จะพบว่ากระทรวงหนึ่งๆ เเทบจะไม่มี รมต.ของพรรคอื่นไปร่วมเลย
รอบนี้ ครม.หนู1 ก็ยังยึดเเนวทางนั้น เพียงเเต่ รมต.คนนอกที่เป็นเทคโนเเครต/ข้าราชการ/นักธุรกิจที่มีผลงาน/ภาพลักษณ์ดี จะมานั่งกระทรวงหลักๆเเทน ราว 8 -10 คน ตามการทาบทามของเสี่ยหนู (หั่นเก้าอึ้เพิ่มของพรรคสีน้ำเงินไปให้ เพราะพรรค ภท.ได้สิทธิ 16 เก้าอี้เพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา171 ได้กำหนดให้คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี 1 คน และรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 35 คน รวมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะไม่เกิน 36 คน)
ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาจะพบว่า “มีเเหล่งข่าวของพรรค ภท.” ให้ข่าวกับผู้สื่อข่าวนำร่องไปก่อนว่า “เสี่ยหนูทาบทามคนนั้นคนนี้มาร่วมงานช่วยชาติ “ จากนั้นปรากฏภาพ “เสี่ยหนู” เชิญบุคคลเหล่านั้นมาหารือเเละเจรจาทาบทามจริง ! ”
การขยับดังกล่าวอ่านหมากได้ว่า ภท.สร้างกระเเสข่าวเพื่อนำร่องสร้างคะเเนนนิยมว่า ภท.ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก เเละสรรหาบุคคลคุณภาพนอกวงการการเมืองมาช่วยงานในสี่เดือนนี้ ก่อนคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา!?!
พิจารณาให้ถึงเเก่นเเท้ มีนัยสำคัญ สามารถถอดความได้ว่า ขั้วสีน้ำเงิน โยนชื่อว่าที่รมต.น้ำดีหลายคนไปนำร่องเพื่อกลบข่าวโควต้า ครม.พรรคร่วมรัฐบาลที่จะเสนอชื่อว่าที่รมต.มาร่วมงาน เเละพบว่าบางรายชื่อเครดิตอาจไม่ค่อยบวกนักในสายตาสังคมอีกทั้งบางรายชื่อมีปัญหาส่อขัดจริยธรรมฯ
อย่าลืมบทเรียนเมื่อ ปี 2538 ปรากฏว่า สส.กลุ่ม 16 เคยโดนกระเเสสังคมไม่ยอมรับมาก่อนในช่วงที่ สส.กลุ่ม16ไปทำงานที่พรรคชาติไทยเเละส่งมังกรเมืองสุพรรณขึ้นเเท่น สร.1 คนที่ 21 เเละยังควบตำเเหน่ง มท.1 กั้นไม่ให้ เสนาะ เทียนทอง / วัฒนา อัศวเหม ที่ชิงเก้าอี้นึ้สมหวัง
ครั้งนั้นรายชื่อว่าที่ ครม.บรรหาร 1 ปลิวว่อนตามหน้าหนังสือพิมพ์ออกมาก่อนจนสังคมร้องยี้กับภาพลักษณ์ ครม.บรรหาร เเละเนวินคือหนึ่งใน ครม.เต้าหู้ยี้....คราวนั้น
ดังนั้น เกมการทยอยโยนชื่อ ครม.คนนอกออกมานำร่องก่อนรายชื่อ ครม.พรรคการเมืองที่มาถึงมือ “เสี่ยหนู” นััน เกมนี้ส่งเเต้มบวกให้ “เสี่ยหนู” พอตัวเเละยังพบว่านโยบายรัฐบาลเร่งด่วนทึ่โดนใจสังคม เช่น โครงการคนละครึ่งเวอร์ชั่นสอง ถูกปล่อยข่าวนำร่องโดยเสียงส่วนใหญ่ออกมาตอบรับมากกว่าปฏิเสธ
ถือว่าเกมนี้กลบผลงาน ครม.พรรคเพื่อไทยที่เคยฟุ้งไว้ในการฟื้นเศรษฐกิจว่า พท.คือมืออาชีพตัวจริง!?!
ดังนั้นการวางหมากดังกล่าว ยอมรับว่าครูใหญ่ค่ายสีน้ำเงินเเละเสี่ยหนูตีโจทย์เเตก คว้าเเต้มนำไปก่อน
เเม้พรรคสีเเดงที่ตอนนี้ เป็นฝ่ายค้านเต็มตัวพยายามชี้จุดอ่อนของ ครม.เสี่ยหนูหลายจังหวะ โดยเฉพาะเเผลฮั้ว สว.-เขากระโดง เเต่คล้ายไม่ค่อยได้ผล
เหตุที่เเผลใหญ่ค่ายสีเเดงเคยฟุ้งไว้ว่า “คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” กับเเคมเปญพรรคเพื่อไทย ”คิดใหญ่ ทำเป็น“ ในสองปีที่ผ่านมารูดม่านจบไปเเบบดื้อๆ โดยที่สังคมไม่เเฮปปึ้ หากเทียบกับการให้ข่าวนโยบายรัฐบาล / ว่าที่ รมต.บนรัฐนาวาลำปัจจุบันที่พรรค ภท.โยนออกมานำร่องนั้น เเม้ ”เสี่ยหนู” จะคว้าเเต้มนำไปก่อนในเชิงจิตวิทยา เเต่ต้องดูว่ารมต.ทั้งหลายจะทำงานได้ดั่งที่ “เสี่ยหนู” รับประกันหรือไม่
เวลาข้างหน้าคือคำตอบ...