svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

บทพิสูจน์แห่งความเพียร: อุสมาน เดมเบเล่ กับการพลิกชะตาจาก 'ปีกกระดูกยุง' สู่เจ้าของบัลลงดอร์

บนเวทีอันยิ่งใหญ่ของโรงละครชาเตอเลต์ "อุสมาน เดมเบเล่" ถูกประกาศให้คว้ารางวัล "บัลลงดอร์ 2025" เกียรติยศสูงสุดที่นักฟุตบอลคนหนึ่งสามารถไขว่คว้าได้ นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อเชิดชูผลงานในสนาม แต่เพื่อยืนยันว่าเส้นทางชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยความขมขื่น เสียงด่า และความผิดหวัง ได้ถูกพลิกกลับกลายเป็นตำนานแห่งการพิสูจน์ตัวเอง

บนเวทีอันยิ่งใหญ่ของโรงละครชาเตอเลต์ กรุงปารีส ค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ได้ถูกเขียนขึ้นอีกครั้ง เมื่อชื่อของ อุสมาน เดมเบเล่ ถูกประกาศให้คว้ารางวัล บัลลงดอร์ 2025 เกียรติยศสูงสุดที่นักฟุตบอลคนหนึ่งสามารถไขว่คว้าได้ เสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วห้องโถง ไม่ใช่เพียงเพื่อเชิดชูผลงานในสนาม แต่เพื่อยืนยันว่าเส้นทางชีวิตที่เคยเต็มไปด้วยความขมขื่น เสียงด่า และความผิดหวัง ได้ถูกพลิกกลับกลายเป็นตำนานแห่งการพิสูจน์ตัวเอง

สิ่งที่ทำให้รางวัลครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย ไม่ได้อยู่แค่ตัวรางวัล หากแต่อยู่ที่ความหมายของมัน เพราะเดมเบเล่คือผู้เล่นที่ครั้งหนึ่งถูกตราหน้าว่า “นักเตะกระดูกยุง” และ “ตัวปัญหา” ของบาร์เซโลนา เขาเคยถูกเย้ยหยันว่าเป็น “ผู้อำนวยการโรงพยาบาล” มากกว่าจะเป็นปีกความหวัง แต่ค่ำคืนนี้กลับสะท้อนให้เห็นว่าโลกฟุตบอลพร้อมจะให้อภัย หากผู้เล่นคนนั้นลุกขึ้นมาเปลี่ยนโชคชะตาของตนเอง

ดาวรุ่งผู้แจ้งเกิดอย่างรวดเร็ว

เดมเบเล่เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับทีมเยาวชนแรนส์ เขาคือ “อัญมณี” ที่ไม่อาจซ่อนได้ ด้วยความสามารถพิเศษในการใช้เท้าทั้งสองข้างอย่างคล่องแคล่ว ทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายของกองหลังตั้งแต่วัยรุ่น การเลี้ยงกินตัวที่เฉียบคม ความเร็วอันจัดจ้าน และการยิงได้ทั้งสองเท้า สร้างชื่อให้เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2015 ก่อนจะกลายเป็นดาวเด่นที่ถูกยักษ์ใหญ่ยุโรปจับตามอง

เมื่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลงทุนคว้าเขาด้วยค่าตัวราว 15 ล้านยูโรในปี 2016 พรสวรรค์ของเขาก็ระเบิดอย่างเต็มที่ ฤดูกาลแรกในบุนเดสลีกา เขาทำไป 5 ประตูและ 7 แอสซิสต์ จนติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี ความสามารถอันเหลือเชื่อและอายุที่ยังน้อย ทำให้บาร์เซโลนาเลือกทุ่มเงินมหาศาลคว้าตัวเขามาแทนเนย์มาร์ที่อำลาทีมไปด้วยค่าตัวสถิติโลก

บทพิสูจน์แห่งความเพียร: อุสมาน เดมเบเล่ กับการพลิกชะตาจาก 'ปีกกระดูกยุง' สู่เจ้าของบัลลงดอร์

ฝันร้ายที่คัมป์ นู

ทว่าเส้นทางที่คัมป์ นู กลับไม่ใช่เวทีแห่งความฝัน แต่เป็น “สนามสอบ” ที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเดมเบเล่ ค่าตัวที่สูงเกิน 100 ล้านยูโร ทำให้เขาถูกจับตามองและถูกคาดหวังว่าจะต้องแบกทีมทันที ปัญหาคือร่างกายของเขาไม่เคยเอื้อให้เป็นเช่นนั้น

อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาไม่อาจรักษาความต่อเนื่องได้ เขาใช้เวลาในห้องพักฟื้นมากกว่าลงสนาม ความผิดหวังนี้ยิ่งถูกขยายใหญ่จากพฤติกรรมที่ถูกมองว่าไร้วินัย ไม่ว่าจะเป็นการมาซ้อมสาย, การเล่นเกมจนไม่รับโทรศัพท์จากสโมสร จนกลายเป็นเชื้อไฟให้สื่อและแฟนบอลตีตราเขาว่าเป็น “ตัวปัญหา”

แม้เขายังพยายามยืนยันความรักที่มีต่อบาร์ซ่า แต่เมื่อถึงวันที่ย้ายไปปารีส แซงต์-แชร์กแมงในปี 2023 ด้วยค่าตัวเพียง 50 ล้านยูโร ความรู้สึกของแฟนบอลหลายคนกลับกลายเป็น “การถูกหักหลัง” เพราะสโมสรทุ่มเทรักษาเขามานานหลายปี แต่กลับไม่ได้ผลตอบแทนที่สมกับการลงทุน เรื่องราวที่คัมป์ นู จึงถูกจดจำในฐานะ "ฝันร้าย" ของทั้งแฟนบอลและตัวเขาเอง

จุดเปลี่ยนที่ปารีส

การตัดสินใจย้ายทีมในปี 2023 ถูกตั้งคำถามมากมาย เขาเลือกออกจากร่มเงาของบาร์เซโลนาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้มเหลว แล้วเดินเข้าสู่เมืองหลวงฝรั่งเศสที่น่าจะกดดันไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนชะตาของเขาอย่างแท้จริงคือการมาถึงของ หลุยส์ เอ็นริเก้

โค้ชชาวสเปนรายนี้ไม่เพียงมอบตำแหน่งในสนามใหม่ให้ แต่ยังมอบความเชื่อมั่นและการดูแลเหมือนเป็น “พ่อคนที่สอง” เดมเบเล่ถูกดันมาเล่นบทบาท False 9 ลดการปะทะริมเส้นที่เสี่ยงบาดเจ็บ แต่เพิ่มอิสระในการถอยต่ำมาสร้างเกม ใช้สายตาอ่านเกมและการจ่ายบอลที่ซ่อนอยู่ในพรสวรรค์ของเขา การปรับบทบาทครั้งนี้ทำให้เขามีทั้งพื้นที่แสดงความคิดสร้างสรรค์และโอกาสพิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริง

บทพิสูจน์แห่งความเพียร: อุสมาน เดมเบเล่ กับการพลิกชะตาจาก 'ปีกกระดูกยุง' สู่เจ้าของบัลลงดอร์

ฤดูกาลแห่งการระเบิดฟอร์ม

ฤดูกาล 2024-25 กลายเป็นการเกิดใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลคนหนึ่ง เดมเบเล่ลงสนาม 49 นัด ยิงได้ถึง 33 ประตู และทำ 15 แอสซิสต์ เขากลายเป็นดาวซัลโวร่วมของลีกเอิง และพาเปแอสเชคว้า ทริปเปิลแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร (ลีกเอิง, เฟร้นช์คัพ และยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก)

เขาไม่ได้เพียงฟื้นคืนชีพ แต่ก้าวกระโดดขึ้นสู่จุดสูงสุด ความต่อเนื่องของผลงานในลีกและแชมเปียนส์ลีก ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งในประเทศและยุโรป และสุดท้าย บัลลงดอร์ก็ถูกมอบไว้ในอ้อมแขนของเขา

ความหมายของบัลลงดอร์

การได้รางวัลครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงจำนวนประตูหรือถ้วยรางวัลเท่านั้น แต่เป็นการปิดฉาก “คำสาปแห่งเสียงวิจารณ์” ที่ตามหลอกหลอนเขามานาน มันคือการยืนยันว่าผู้เล่นที่เคยถูกตราหน้าว่าหมดอนาคต สามารถกลับมาเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ได้ด้วยการทำงานหนัก การเปลี่ยนแปลงตัวเอง และการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกต้อง

คำกล่าวของเขาบนเวทีที่ว่า “มันเป็นรางวัลส่วนบุคคล แต่แท้จริงแล้วมันคือรางวัลของทีม” สะท้อนวุฒิภาวะที่ต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่เดมเบเล่คนเดิมที่เคยหลงทาง แต่เป็นผู้นำที่เข้าใจคุณค่าของการเสียสละและการร่วมแรงร่วมใจ

-----

เรื่องราวของเดมเบเล่คือบทเรียนล้ำค่าสำหรับวงการฟุตบอล มันแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยปัจจัยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม, โค้ชที่เข้าใจ, การปรับบทบาทที่สอดคล้องกับข้อจำกัดของร่างกาย และความพร้อมของนักเตะที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

จาก “เด็กปัญหา” ที่ถูกเยาะหยัน เขากลับกลายเป็นเจ้าของบัลลงดอร์ในวัย 28 ปี เรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การกลับสู่ฟอร์ม แต่คือการยกระดับตนเองสู่ตำนาน ความสำเร็จของเดมเบเล่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอล แต่เป็นการประกาศก้องถึงพลังของการพิสูจน์ตัวเองในสายตาโลก

บทพิสูจน์แห่งความเพียร: อุสมาน เดมเบเล่ กับการพลิกชะตาจาก 'ปีกกระดูกยุง' สู่เจ้าของบัลลงดอร์