
สโมสรฟุตบอลเก่าแก่ของอังกฤษอย่าง เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่นำไปสู่ความวุ่นวายภายในและอนาคตที่ไม่แน่นอน ภายใต้การบริหารของ เดชพล จันศิริ นักธุรกิจชาวไทย วัย 57 ปี ซึ่งครอบครัวเป็นเจ้าของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TUG) ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดในโลก
สถานการณ์ล่าสุดของ "นกเค้าแมว" เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองจากแฟนบอลที่เริ่มติดป้าย "Chansiri out" รอบๆ สนามฮิลส์โบโรห์ สะท้อนให้เห็นถึงความสิ้นหวังที่เงินทุนเริ่มเหือดแห้งลงเรื่อยๆ
มีรายงานว่านักเตะชุดใหญ่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับค่าจ้างตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ฟุตบอลลีกอังกฤษ (EFL) ต้องสั่งห้ามการซื้อขายนักเตะไปจนถึงปี 2027 แต่ค่าจ้างงวดล่าสุดก็ยังคงล่าช้า ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับเงิน
ก่อนหน้านี้สโมสรเคยเกิดเหตุการณ์ค้างจ่ายมาแล้วในปี 2021 ซึ่งทำให้โดนปรับ 6 แต้มพร้อมคาดโทษหากผิดซ้ำ
วิกฤตไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ค่าจ้างเท่านั้น แต่สโมสรยังคงมีภาระภาษีที่ค้างกับสรรพากรของสหราชอาณาจักร (HM Revenue and Customs) ซึ่งสโมสรได้รายงานต่อ EFL และถูกประกาศต่อสาธารณะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อกุนซืออย่าง แดนนี่ โรห์ล ได้ส่งสัญญาณแสดงความจำนงที่จะย้ายทีมตั้งแต่เดือนเมษายน และไม่ได้มาปรากฏตัวในการฝึกซ้อมช่วงปรีซีซันที่ควรจะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สัญญาของทีมสตาฟฟ์โค้ชส่วนใหญ่ก็หมดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้สโมสรยังไม่มีการประกาศโปรแกรมอุ่นเครื่อง หรือทัวร์ปรีซีซันใดๆ
ถึงตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 6 สัปดาห์ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ของฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป แต่ดูเหมือนว่าสโมสรจะไม่มีความพร้อมใดๆเลยสำหรับการลงแข่งซีซั่นใหม่
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ลุกลาม คือการที่ เดชพล จันศิริ บริหารสโมสรเพียงลำพัง ไม่มีคณะกรรมการหรือซีอีโอมาช่วยตัดสินใจมาตั้งแต่ปี 2019 นอกจากนี้ เขายังถูกมองว่าเป็น "Control Freak" ที่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ทุกเรื่อง
"แม้แต่การซื้อของใช้พื้นฐานแค่เล็กน้อย เขายังต้องการใบเสนอราคา 3 เจ้า" แหล่งข่าวที่เป็นพนักงานของสโมสร กล่าวกับ The Athletic
ในช่วงปีแรกๆ ของการเทกโอเวอร์ เขาใช้เงินมหาศาลกว่า 167 ล้านปอนด์ (รวมราคาซื้อกิจการ 37.5 ล้านปอนด์) สโมสรเข้าใกล้การเลื่อนชั้นในปี 2016 และ 2017 แต่พลาดทั้งในนัดชิงและรอบรอง
หลังจากนั้น สโมสรได้ขายสนามฮิลส์โบโรห์ให้บริษัทในเครือ (Sheffield 3 Limited) ด้วยมูลค่า 60 ล้านปอนด์ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงกฎการเงินของ EFL แต่นั่นกลับกลายเป็นหายนะ เนื่องจากไม่สามารถลงบัญชีในปีที่ต้องการได้ ส่งผลให้โดนตัดแต้ม 12 แต้ม (ลดเหลือ 6) และตกชั้นสู่ลีกวัน
การลงทุนของ เดชพล จันศิริ ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่นั้น แต่ก็ยังคงประสบปัญหาทางการเงินอยู่เสมอ โดยในปี 2023 สโมสรเคยค้างภาษี 2 ล้านปอนด์ ที่ทำให้โดนแบนการลงทะเบียนนักเตะ ซึ่ง ณ ตอนนั้น เดชพล ได้ขอให้แฟนบอล 20,000 คน ร่วมบริจาคคนละ 100 ปอนด์ เพื่อแก้ปัญหา (แม้ภายหลังเขาจะเป็นผู้จ่ายเอง) ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับแฟนบอลตกต่ำลงอย่างมาก
"เหมือนกับว่าเจ้าของสโมสรมีเป้าหมายแค่อย่างเดียว คือพาทีมเลื่อนชั้น เพื่อจะได้มีรายได้และสปอนเซอร์มากขึ้น โดยไม่ได้มองถึงการหารายได้แบบอื่นเลย พอทีมไม่ได้เลื่อนชั้น-ไม่เป็นไปตามเป้า ทุกอย่างก็พัง" แฟนบอล "นกเค้าแมว" รายหนึ่ง ให้ความเห็น
แม้จะมีการแต่งตั้งทนายจากกลุ่ม ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เพื่อหาผู้ซื้อทีมรายใหม่ แต่การเจรจากับกลุ่มผู้ร่วมลงทุนสองกลุ่มในช่วงเดือนที่ผ่านมากลับล้มเหลว
เดชพล จันศิริ เผยว่ากลุ่มหนึ่งที่นำโดย อดัม ชอว์ นักธุรกิจชาวเชฟฟิลด์ และ จอห์น ฟลานาแกน นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวอเมริกัน ได้เสนอเงิน 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) พร้อมข้อเสนอเพิ่มเติมหากได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แต่เมื่อทางเดชพลต้องการหลักประกันทางการเงิน ฝั่งผู้ซื้อกลับไม่มีเอกสารที่ชัดเจน แม้จะเสนอให้จ่ายเงินมัดจำก่อน 5 ล้านปอนด์โดยจะคืนให้เมื่อการเทกโอเวอร์เสร็จสิ้น ฝั่งผู้ซื้อก็ยังไม่ยอมดำเนินการ
แม้ทรัพย์สินของครอบครัว จันศิริ จะมีจำนวนมหาศาล (ฟอร์บส์ ประมาณการไว้ที่ 585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2020) แต่สโมสรไม่สามารถเข้าถึงเงินส่วนนั้นได้เนื่องจากติดเรื่องกฏการเงินของลีก
รายงานทางบัญชีล่าสุดระบุว่าสโมสรติดหนี้เดชพลในรูปแบบเงินกู้ประมาณ 115 ล้านปอนด์ ซึ่งหากต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ตัวเขาเองก็จะขาดทุนหนักที่สุด
ในแถลงการณ์ล่าสุด เดชพล จันศิริ ระบุว่า “ผมขอรับผิดชอบต่อภาระทั้งหมดในตอนนี้...แต่ผมก็มีหน้าที่เลือกเจ้าของคนใหม่ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน”
...
แม้เจ้าตัวจะออกแถลงการณ์รับผิดชอบ และยืนยันว่าจะขายให้ “คนที่เหมาะสม”
แต่คำถามใหญ่คือ “เมื่อไหร่?” และ “จะเสียหายอีกแค่ไหนก่อนที่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น?”