สื่ออิสราเอล รายงานเมื่อวันอาทิตย์โดยอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอิสราเอลว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติกำลังประสานงาน โดยมีกระทรวงต่างประเทศร่วมหารือด้วย เพื่อเตรียมแนวทางรับมือกรณีศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) อาจมีแผนออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ เช่น โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหม และเฮอร์ซี ฮาเลวี ประธานเสนาธิการทหารร่วม
เจ้าหน้าที่อิสราเอล คาดว่า ข้อกล่าวหาของ ICC อาจมุ่งเน้นประเด็นการปิดกั้นไม่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา และการใช้ปฏิบัติการทหารเกินกว่าเหตุในการตอบโต้การโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567
นักวิเคราะห์ บอกด้วยว่า เนทันยาฮูพยายามโทรศัพท์หารือกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อขอความช่วยเหลือให้รอดพ้นจากการถูกออกหมายจับ
อิสราเอล คัตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล บอกเมื่อวันอาทิตย์โดยแสดงความคาดหวังว่า ICC จะไม่ออกหมายจับ แต่ก็เตือนด้วยว่า หากอนุมัติหมายจับจริง อาจเป็นอันตรายต่อผู้บัญชาการและทหารของอิสราเอล และยิ่งสร้างความฮึกเหิมให้กับกลุ่มฮามาส และกลุ่มอิสลามสุดโต่งอื่น ๆ ที่อิหร่านหนุนหลัง และเขาเตือนให้นักการทูตอิสราเอลในทั่วโลกเตรียมรับมือกับกระแสต่อต้านชาวยิวอย่างรุนแรงที่อาจตามมาหากมีการออกหมายจับ
อิสราเอลไม่ใช่ภาคีสมาชิกของศาล ICC ที่ตั้งอยู่ในกรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ และไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาล แต่ดินแดนปาเลสไตน์ได้รับการยอมรับในฐานะรัฐสมาชิกเมื่อปี 2558
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู บอกเมื่อวันศุกร์ด้วยว่า การตัดสินใจของ ICC จะไม่ส่งผลกระทบต่อการกระทำของอิสราเอล และอิสราเอลจะไม่ยอมรับความพยายามใด ๆ ของศาลที่จะทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานในการป้องกันตัวเอง พร้อมทั้งเตือนด้วยว่า การตัดสินใจของศาลจะเป็นการสร้างตัวอย่างที่อันตราย และคุกคามต่อชีวิตทหารและเจ้าหน้าที่รัฐ
ก่อนหน้านี้คาริม ข่าน อัยการของศาล ICC บอกไว้เมื่อเดือนตุลาคมว่า ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีอาชญากรรมสงคราม ที่ผู้ก่อการร้ายฮามาสก่อขึ้นในอิสราเอล และทหารอิสราเอลก่อขึ้นในฉนวนกาซา และกำลังมีการตรวจสอบว่า เกิดอาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซาหรือไม่ และผู้ที่ถูกตัดสินว่า ฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องได้รับการลงโทษ
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ฮามาสโจมตีฐานทัพและชุมชนในอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1.200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และอีก 253 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน และในวันเดียวกันกองทัพอิสราเอลเปิดฉากทำสงครามกับฮามาสในฉนวนกาซา จนถึงขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตมากกว่า 34,000 ราย และประชากรส่วนใหญ่จาก 2.3 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นฐานและประสบวิกฤตด้านมนุษยธรรม