นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางทองคำในสัปดาห์หน้ากับ Nation STORY ว่า ราคาทองคำช่วง 1 ม.ค.-5 เม.ย. ปรับตัวขึ้น ประมาณ 210 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หรือประมาณ 6,050 บาท มีแรงหนุนจาก เฟดเปิดเผยคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ปัจจัยบวกลบที่ต้องติดตาม
- รายงานการประชุม FOMC Meeting Minutes (รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประจำวันทที่ 19-20 มี.ค. ที่ผ่านมา) เพื่อแสดงความชัดเจนในเงื่อนไขของการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยของเฟด ร่วมทั้งการเปิดเผย ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ
- ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มลุกลามหากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอลก็จะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง ท่ามกลางความกังวลว่าอิหร่านอาจจะก่อเหตุโจมตีนักการทูตอิสราเอล โดยสถานทูตอิสราเอลทั่วโลกต่างก็ใช้มาตรการเฝ้าระวังขั้นสูง
- ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลต่อแนวทางเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำเป็น Sideway Up จาก ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มลุกลามหากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล หลังจากมีรายงานว่าสถาน ทูตอิสราเอลทั่วโลกต่างก็ใช้มาตรการเฝ้าระวังขั้นสูง ท่ามกลางความกังวลว่าอิหร่านอาจจะก่อเหตุโจมตีนักการทูตก็จะหนุนราคาทองคำ ซึ่งที่ผ่านมาทำนิวไฮมาต่อเนื่อง
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี แต่อาจส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง จำนวน 2 ครั้งในปีนี้ โดยลดครั้งละ 0.25% จะส่งผลให้ค่าเงินบาท
อ่อนค่าต่อ ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน
ราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นสร้างระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ราคาก็มีแรงขายเพิ่มสูง ขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาแล้วระดับหนึ่ง ความผันผวนของราคาเพิ่มขึ้น
แนะนำเสี่ยงซื้อทำกำไรระยะสั้น เมื่อราคาปรับตัวลงสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 2,265-2,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 2,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรหากราคา
ไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 2,288-2,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ประเมินแนวต้านแรกที่ 2,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 2,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้านสุดท้ายที่ 2,322 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับแรกที่ 2,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 2,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับสุดท้ายที่ 2,230 ดอลลาร์ต่อออนซ์